คอนเทนต์ในเว็บเปลี่ยนไปอย่างไรหลังทำ SEO

คอนเทนต์ในเว็บเปลี่ยนไปอย่างไรหลังทำ SEO

หลายคนมีประสบการณ์เขียนบล็อกหรือทำเว็บไซต์มานาน อาจเขียนบล็อกเพราะความชอบส่วนตัว คล้ายกับบันทึกประจำวันที่มีแฟนคลับติดใจและติดตามอ่านสม่ำเสมอ หรือเขียนบทความลงเว็บไซต์เป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมทสินค้าและบริการ ก่อนหน้านั้นไม่เคยกังวลเรื่องการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหรือการทำ SEO ให้มองเห็นรวดเร็วและง่าย ๆ ขึ้น ต่อมาโลกอินเทอร์เน็ตเติบโตแบบก้าวกระโดด ใคร ๆ ก็เปิดเพจขายของออนไลน์ มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองง่าย ๆ บ้างก็เป็นโฮสต์ฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองต้องขยับขยายทำอะไรบางอย่างแล้ว ไม่เช่นนั้นเว็บไซต์ของเราจะแข่งขันกับใครไม่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ จะต้องกระตือรือร้นก้าวตามโลกเทคโนโลยีและการตลาดให้ทัน รู้ว่าการทำ SEO เป็นอย่างไร ถ้าไม่อยากให้เนื้อหาบทความดี ๆ ที่เขียนมาเป็นการเสียเปล่า เพราะจำนวนคนเข้ามาเยี่ยมชมน้อยลงทุกวัน

คุณภาพของคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญ

การทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญ หมายถึงลีลาการเขียนที่สนุก สอดแทรกสาระความรู้ เนื้อหากระชับอ่านง่าย ถามว่าบทความบนหน้าเว็บไซต์จะเปลี่ยนไปอย่างไรหลังการทำ SEO แน่นอนว่าสไตล์การเขียนยังคงไม่แตกต่าง ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้บล็อกที่เคยเขียนไว้คลายมนต์เสน่ห์ลงไป สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือการใส่รายละเอียดเพิ่มเติม นั่นคือคีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นคำค้นหาที่ผู้อ่าน ผู้ติดตาม หรือลูกค้า นำมาพิมพ์ลงใน Google เพื่อค้นหาสิ่งที่ตนต้องการ หากคุณเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการเกษตร อาจมี คีย์เวิร์ด เกี่ยวกับ “ศัตรูพืช” , “ปุ๋ยชีวภาพ” , “สูตรเร่งดอก” , “น้ำหมัก” , “วิถีเกษตร” , “เกษตรพอเพียง” เพราะคำเหล่านี้ถูกค้นหาบ่อย ๆ ซึ่งเราตรวจสอบได้จาก Google เพื่อเลือกคำคีย์เวิร์ดที่ควรใช้ให้มีการเชื่อมโยงถึงเว็บไซต์ของเรามากขึ้น

ข้อมูลของบทความในเชิงวิเคราะห์เจาะลึกเป็นสิ่งที่ผู้อ่านชื่นชอบเห็นพิเศษ เพราะมีเอกลักษณ์และความแตกต่าง เป็นเรื่องใหม่ ๆ มีเนื้อหาไม่ซ้ำใคร อ่านแล้วได้รับประโยชน์หรือความบันเทิง เป็นการทำตลาดคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ ยิ่งเรานำคีย์เวิร์ดที่ดีแทรกลงไปตามจำนวนและตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้บล็อกและเว็บไซต์นั้นน่าอ่านและดึงดูดความสนใจได้ดีกว่ารูปภาพสวย ๆ หรือวิดีโอ นับเป็นเสน่ห์ของการโฆษณาแฝงอยู่ในบทความอย่างแนบเนียน เรียกว่าทำให้ลูกค้าเห็นข้อดีและตัดสินใจซื้อง่ายกว่าการดูโฆษณาขายสินค้าโดยตรง เหมือนอย่างโฆษณาของบรรดาบริษัทประกันชีวิตต่าง ๆ ทุกวันนี้ทำขึ้นโดยอาศัยเนื้อหาที่จับใจและสะเทือนอารมณ์ ซึ่งดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าการขายโดยตรง การทำคอนเทนต์ลงในบล็อกและเว็บไซต์ต้องอาศัยการทำ SEO ในลักษณะเดียวกัน บทความที่มีคุณภาพช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มากขึ้น

ข้อดีคือการทำตลาดออนไลน์มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการโฆษณาแบบดั้งเดิมมาก หากคุณใส่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า สามารถแชร์คอนเทนต์ที่น่าสนใจนั้นลงในสื่อโซเชียลได้ด้วย และทำลิงก์เชื่อมโยงกลับมายังบล็อกและเว็บไซต์ ช่วยให้มีผู้อ่านบทความมากขึ้นและเป็นการทำ SEO ให้ทาง Google จัดอันดับของเว็บให้ดีขึ้นอีกด้วย

คุณภาพของคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญ

โซเชียลมีเดียเพิ่มความแข็งแกร่งให้ SEO ได้อย่างไร

ทุกวันนี้ธุรกิจขนาดเล็ก ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายปลีกเสื้อผ้า ร้านเสริมสวย เปิดช่องทางสื่อสารทางออนไลน์โดยใช้ทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Line, Instagram และอื่น ๆ ดูจะเป็นที่นิยมอย่างมากกว่าการเปิดเว็บไซต์ เพราะส่วนใหญ่เป็นบริการฟรี เว้นแต่จะซื้อโฆษณา คนทั่วไปสามารถเรียนรู้การใช้งานได้ง่ายด้วย อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ยังควรเป็นช่องทางการตลาดสายหลักต่อไป เพราะผู้บริโภคนิยมค้นหาสินค้าและบริการที่สนใจบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google มากที่สุด โอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายจึงมีมากกว่า แนะนำให้ทำการเชื่อมโยงคอนเทนต์จากเว็บไซต์ไปยังโซเชียลมีเดียและผสมผสานการทำ SEO ให้ทั้งสองแพลตฟอร์มเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

SEO กับ โซเชียลมีเดีย

การทำ SEO ให้กับโซเชียลมีเดียอาจแตกต่างจาก เว็บไซต์ บ้าง นั่นเป็นเพราะคนใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Line, Instagram ชอบดูรูปภาพและคลิปวิดีโอที่ช่วยประหยัดเวลาและสื่อเข้าใจง่ายอย่างรวดเร็วกว่าการอ่านบทความ ดังนั้น ถ้าจะเขียนบทความ ควรปรับลดเนื้อหาให้สั้นมากที่สุด เช่น เดิมเขียนบทความในเว็บไซต์ 500-750 คำ เมื่อนำมาใส่ใน Facebook ควรปรับเนื้อหาให้สั้นไม่เกิน 300 คำ เน้นความกระชับเพื่อให้เหมาะกับหน้าจอมือถือ เนื้อหาคอนเทนต์ต้องใช้ภาษาทันสมัย เข้าใจง่ายและน่าสนใจ ถ้าเป็นไปได้ควรขอความคิดเห็นจากลูกค้ามาเป็นรีวิว แล้วพิจารณาแทรกคำคีย์เวิร์ดเพื่อการทำ SEO ลงไปอย่างเหมาะสม โดยปกติการทำบทความใน Google ควรหลีกเลี่ยงคำประเภท “ดีที่สุด” “ยอดขายอันดับหนึ่ง” การทำบทความในโซเชียลมีเดียต้องละเว้นเช่นเดียวกัน เปลี่ยนไปใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ค้นหาสนใจซื้อมาทดลองใช้เอง โดยมีความเห็นเชิงบวกของผู้ที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นจุดโน้มน้าวใจ การทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดที่โดดเด่นโดนใจจึงมีความสำคัญเช่นเดิม

ในส่วนของการใส่บทความ รูปภาพและวิดีโออยู่ในโซเชียลมีเดีย อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดลงไปในทุกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อภาพ การติดแท็ก หรือคำอธิบายเนื้อหาวิดีโอ เพื่อให้การทำ SEO ส่งผลต่อการค้นหาใน Google ด้วย รวมไปถึงเนื้อหาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการเผยแพร่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดสำคัญไว้ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผลลัพธ์การค้นหา การเชื่อมโยงระหว่างโซเชียลมีเดียซึ่งมีจำนวนผู้ชมกดไลค์ กดแชร์จำนวนมาก มีบทบาทสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในตอนนี้ เพราะจะทำให้ธุรกิจของคุณติดอันดับที่ดีในผลลัพธ์การค้นหาของ Google

โซเชียลมีเดียเพิ่มความแข็งแกร่งให้ SEO ได้อย่างไร

สรุปคือไม่ว่าธุรกิจของคุณจะพึ่งพาช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์เป็นหลัก หรือการติดต่อกับผู้คนผ่านทาง Facebook หรือสื่อสังคมรูปแบบอื่น ๆ เป็นหลัก ไม่ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งแบบโดด ๆ แต่ผสมผสานให้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เข้าถึงคนได้รวดเร็ว สื่อสารข้อมูลอย่างละเอียดมากขึ้น รู้จักติดตามคู่แข่งเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยและปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด ทุกวันนี้ต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าหาลูกค้า อย่ารอคอยให้ลูกค้าค้นพบเราอย่างเดียว เราต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าถึงตัวและนำเสนอสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

สร้างเว็บไซต์ ให้ใช้ง่ายบนมือถือ

เคล็ดลับ SEO สร้างเว็บไซต์ ให้ใช้ง่ายบนมือถือ

วิธีการสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายบนมือถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนทำเว็บต้องเรียนรู้ สมัยก่อนจะทำหน้าเพจอย่างไรก็ได้ ไม่มีปัญหาในการใช้งานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปขนาดใหญ่ แต่การอ่านเนื้อหาบนมือถือมีข้อจำกัดเรื่องหน้าจอที่แคบ ต้องเลื่อนลงเพื่ออ่านข้อความ จำเป็นต้องปรับรูปแบบการเขียนด้วยถ้อยคำกระชับ สื่อสารเข้าใจได้รวดเร็ว

คุณทราบหรือไม่ พาดหัวข่าวและหัวข้อย่อยเอื้อประโยชน์ในการจัดอันดับเว็บของ Google ลองกลับไปทบทวนดูว่าบทความจำนวนมากที่โพสต์ในเว็บไซต์ของคุณแต่ละบทความมีเฉพาะชื่อเรื่อง ตามด้วยเนื้อหายาวกว่า 700 คำหรือเปล่า ลองปรับเปลี่ยนเพิ่มหัวข้อย่อยลงไป ทำให้เครื่องมือค้นหาของ Google สามารถวิเคราะห์พาดหัวข่าวและหัวข้อย่อยง่ายกว่าเดิมมาก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหัวข้อย่อยตรงกับเนื้อความสำคัญของบทความและตรงกับคีย์เวิร์ดหลักทั้งหมด

หัวข้อการทำ SEO ที่ดีควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ 2 ข้อ

สองส่วนที่ว่าได้แก่ ความชัดเจนและความอยากรู้ การให้ความชัดเจนทำให้ผู้อ่านรู้ว่าบทความเกี่ยวกับอะไรโดยไม่จำเป็นต้องมีบริบทก่อน ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ผู้อ่านอยากรู้อยากเห็น คลิกเข้ามาตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้พลาดอะไรไป การพาดหัวบทความเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่จะดึงดูดผู้อ่านให้คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม

การออกแบบเว็บไซต์จะต้องสร้างอย่างรัดกุมเพื่อให้ใช้ง่ายบนมือถือ รู้ว่าจะต้องเขียนบทความอย่างไรให้กระชับ สละสลวย รู้ว่าจะต้องใส่บทความตรงไหน เลือกภาพอย่างไร หากคุณเริ่มทำ SEO จะเห็นว่ายุ่งยากเล็กน้อยในครั้งแรกเท่านั้น คุณเขียนพาดหัวและใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปด้วยเสมอ ในส่วนของการเขียน Meta Description เป็นคำอธิบายสั้น ๆ ให้ทราบว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเข้าใจรวดเร็วว่าเว็บของคุณตอบสนองสิ่งกำลังค้นหาอยู่และเลือกคลิกเข้ามาในเว็บ ยิ่งเพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บมากขึ้นเท่าไร ยิ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google ช่วยให้เข้าไปอยู่ในหน้าแรก ๆ ได้อย่างแน่นอน

หากอ่านง่ายบนมือถือ ผู้ใช้ย่อมติดใจ

หัวข้อย่อยสำคัญเช่นกัน ดูมีหลักการด้วย

การเพิ่มพาดหัวย่อยช่วยให้คุณทำ SEO เพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยและทำให้หน้าเพจอ่านง่ายขึ้นด้วย หัวข้อย่อยจึงเป็นกลยุทธ์ SEO ที่มองข้ามไม่ได้ หากเป็นไปได้ควรใช้ในทุกบทความ สำหรับการใส่รูปภาพ จะต้องเลือกรูปที่ไม่ใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้เว็บโหลดช้า เกิดปัญหาว่าผู้อ่านไม่อยากเสียเวลาก็จะกดออกไป คุณควรตรวจสอบเว็บไซต์และปรับให้หน้าเพจมีระยะเวลาการโหลดน้อยที่สุด โดยไม่ลดทอนข้อมูลหรือสิ่งที่จำเป็น วิธีนี้จะสนับสนุนการทำ SEO บนมือถืออย่างเต็มที่ ไม่ควรใส่ข้อความหรือรูปภาพมากเกินไปจะทำให้หน้าเพจโหลดช้า ยิ่งถ้าเครือข่ายหรือความเร็วของอินเทอร์เน็ตไม่ดีด้วย จะเกิดปัญหาตามาในอนาคต เพราะ Google จะยกเลิกฐานข้อมูลเดสก์ท็อปซึ่งหมายความว่าคำค้นหาทั้งหมดจะจัดอันดับตามฐานข้อมูลมือถือ ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังเหมาะสำหรับเดสก์ท็อปมากที่สุด ควรเริ่มต้นปรับปรุงทั้งแต่วันนี้ให้ใช้งานได้ผลดีกับอุปกรณ์มือถือเป็นหลัก

เว็บไซต์ กับ seo

เนื้อหาบทความ มีคุณค่ามีอิทธิพลต่อผู้ซื้ออย่างไร

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีวิธีที่จะทำให้ลูกค้าจงรักภักดีต่อแบรนด์อย่างไร ทำไมลูกค้าเข้ามาอุดหนุนสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีคู่แข่งตัวเก่งและธุรกิจใหม่เปิดตัวออกสู่ตลาดไม่เว้นแต่ละวัน คำตอบที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ การตอกย้ำเรื่องคุณภาพเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า พร้อมกับอัพเดทการสื่อสารให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ตลอดเวลา เว็บไซต์ธุรกิจส่วนมากเห็นความสำคัญของการทำ SEO เข้าถึงผู้เข้าชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับเผยแพร่โฆษณาผ่านบทความร้อยเรียงเรื่องราวดีๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการ ทำให้ผู้ชมในวันนี้กลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต ปัจจุบันเฟซบุ๊กเป็นช่องทางการสื่อสารและโฆษณาที่ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย เป็นอีกช่องทางที่เข้ามาเสริมทัพการขายได้อย่างดี ทำให้คนในสังคมพูดถึงสินค้าและบริการแบบปากต่อปาก ขยายการรับรู้ของแบรนด์ไปรวดเร็วในวงกว้าง แต่ยังคงมีข้อจำกัดหลายเรื่อง โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือซึ่งน้อยกว่าเว็บไซต์ คนยุคใหม่เชื่อใจสินค้าที่จำหน่ายผ่านเว็บไซต์มากกว่าด้วย

เหตุผลที่เว็บไวต์มีผู้คนสนใจมาก

มีหลายเหตุผลที่เว็บไซต์เป็นแหล่งข้อมูลที่ผู้คนสนใจมากกว่า เพราะข้อความในเฟซบุ๊กผ่านตาไปรวดเร็วมาก คนไม่ติดตากับการโฆษณาสินค้าผ่านสื่อเท่าไร แตกต่างจากรูปแบบ โครงสร้างเว็บไซต์ ที่เหมาะกับการนำเสนอบทความมากกว่า ตลอดจนสามารถทำการโฆษณาแฝงผ่านการทำ SEO ได้แนบเนียนอีกด้วย โดยเลือกใช้คีย์เวิร์ดหลายแบบ ทั้งการกระจายเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างและการระบุคีย์เวิร์ดสำหรับความต้องพิเศษที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ทำให้เชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าจับตัวสินค้าได้โดยตรง ไม่เหมือนกับเฟซบุ๊กที่เน้นระบุคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเท่านั้น แต่ความสนใจของคนเราแตกต่างกัน สู้วิธีการระบุด้วยคีย์เวิร์ดสำหรับค้นหาสิ่งที่ต้องการแบบเจาะจงไม่ได้

เมื่อเราจับคู่สินค้ากับลูกค้าในอนาคตได้แล้ว เนื้อหาบทความเป็นอีกส่วนสำคัญที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อ ก่อนอื่นผู้ประกอบการต้องทำการวิจัยลูกค้า ล้วงลึกถึงความต้องการแล้วนำมาเป็นหัวข้อหลักในแต่ละคอนเทนต์ ทำให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้ามีจุดเด่นอย่างไร มีทางเลือกหลากหลายขนาดไหน ความแตกต่างจากคู่แข่งและเหตุผลที่ต้องเลือกเรา ตรวจสอบเรื่องความคุ้มราคา มีโปรโมชั่นแรงในช่วงเวลาใดบ้าง ค่อยๆ เก็บรายละเอียดไปทีละนิด นำมาใส่ในเนื้อหาบทความโดยหยิบยกเรื่องจริงใกล้ตัวมาเล่า เช่น เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสินค้าที่ขาย ลูกค้าอื่นลองใช้สินค้าตัวนี้เกิดผลดีอย่างไร ชี้ถึงจุดเด่นของเรา เล่าถึงปัญหาที่ผู้บริโภคหลายคนพบเจอเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์แบบเดียวกัน โดยไม่ต้องไปโจมตีสินค้าแบรนด์อื่นโดยตรง ข้อเขียนที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นภาพสินค้าที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมจะกระตุ้นความต้องการซื้อได้ดีทีเดียว

อัพเดทข่าวคราวให้ลูกค้ารับรู้เสมอผ่านการทำ SEO ซึ่งย้ำเตือนให้ผู้บริโภคเห็นเว็บไซต์ง่ายและเร็วขึ้นในการค้นหาจากกูเกิ้ล ทำให้เห็นโฆษณาบ่อยขึ้น มีโอกาสในการพิจารณาและตัดสินใจซื้อง่ายมากขึ้น เรียกว่าสร้างแรงกระตุ้นลูกค้าได้เป็นอย่างดีและประหยัดงบประมาณได้มากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อโฆษณาจากเฟซบุ๊กซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นทุกวัน

บทความ seo

ลิงค์ใน seo

ทำลิ้งในกลุ่มเว็บประชาสัมพันธ์ มีข้อดีเสียอย่างไร ?

กลุ่มเว็บที่รับประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ฟรี หรือในต่างประเทศจะใช้ตัวย่อว่าพีอาร์ ถือว่าเป็นกลุ่มแบคลิ้งค์ชั้นเยี่ยมเพราะเนื้อหาในเว็บไซต์จะรวมไปด้วยบทความคุณภาพ มีปริมาณเยอะพอสมควร ทำให้ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Google เองได้ค่อนข้างให้ความสนใจในเรื่องของความสำคัญแบคลิ้งค์พอสมควรเลยทีเดียว จึงทำให้นัก SEO จำนวนไม่น้อย พยายามหาเว็บพีอาร์ฟรีที่เราสามารถเข้าไปโพสประชาสัมพันธ์ได้ ใช้ในการทำลิงค์ย้อนกลับ ส่งไปยังเว็บไซต์ทำเงินหลักของเรา

ข้อจำกัดของเว็บพีอาร์มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เว็บพีอาร์คุณภาพที่แท้จริงนั้นส่วนมากจะต้องรออนุมัติจากผู้ดูแลระบบก่อน เค้าจะตรวจสอบว่าเนื้อหาที่ได้รับการซับมิตเข้ามานั้นมีคุณภาพหรือไม่ เป็นเนื้อหาสแปมหรือเป็นบทความที่ดีควรค่าแก่การนำมาประชาสัมพันธ์ช่วย หากว่าเป็นบทความดี เจ้าของก็จะอนุมัติโพสต์และเราก็จะรับแบคลิงค์กลับไป (ทั้งนี้ อยู่ที่ว่าแต่ละโดเมนแต่ละผู้ให้บริการเว็บพีอาร์อนุมัติเรื่องของการส่งต่อลิงค์ในรูปแบบ Dofollow หรือเปล่า และอีกกลุ่มหนึ่งก็คือ เว็บพีอาร์บางที่จะต้องเสียค่าโพสต์ อาจจะ 20 ดอลล่าร์ต่อโพสต์ ยิ่งเว็บดังมากเท่าไหร่ก็จะมีราคาโพสต์สูงมากเท่านั้น

seo

อารมณ์เหมือนกับเรากำลังซื้อเนื้อหาข่าวจากในเว็บกระปุกดอทคอม หรือเว็บข่าวสด ไทยรัฐ แนวแนวนี้เป็นต้น มันจึงทำให้มีข้อดีอยู่พอสมควร ส่วนข้อเสียก็คือส่วนมากเค้าจะขอข้อมูลการติดต่อของผู้โพสต์หากว่าเรา กรอกข้อมูลมั่วซั่วไป บ่อยครั้งที่กลุ่มเว็บพีอาร์จะไม่อนุมัติโพสต์ เพราะข้อมูลไม่ถูกต้อง แต่ในทางกลับกัน หากกรอกข้อมูลจริงเข้าไป ก็อาจจะได้รับการสแปมอีเมลเข้ามาเป็นจำนวนมาก หรืออาจจะมีการสแปม sms เข้ามาด้วย เพราะข้อมูลโพสต์ส่วนมากจะถูกแสดงผลอยู่ไหนเนื้อหาโพสต์ ทั้งชื่อและเบอร์โทร รวมถึงอีเมลเป็นต้น ก็ต้องลองชั่งใจดูว่าเว็บไซต์กลุ่มประชาสัมพันธ์ เราควรจะทำหรือไม่แล้วถ้าควรทำควรจะทำปริมาณไหนถึงจะเหมาะสม ไม่ใช่ว่าบอกว่าดีแล้วดันไปลงทุนซื้อลิงค์ ทำแต่แบคลิงค์จากเว็บ PR แบบนั้นคงไม่เวิร์ค

ข้อดีเมื่อเว็บติดหน้าแรก

ประโยชน์ดีๆเมื่อเว็บติดหน้าแรก ข้อดีที่คุณปฏิเสธไม่ได้

ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ ขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ จำเป็นต้องทำเว็บไซต์เป็นช่องทางนำเสนอสินค้าและบริการแก่ลูกค้าเป้าหมายกันทั้งนั้น การโฆษณาสินค้าและบริการผ่านทางออนไลน์สร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจหลายด้าน มีโอกาสนำเสนอตัวเองให้เป็นที่รู้จักในวงการ ทั้งยังสะดวกต่อผู้บริโภคที่กำลังมองหาสินค้าและบริการสามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีทางเลือกให้กว้างมากด้วย การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราไปปรากฏบนตำแหน่งดีๆ ในกูเกิล ย่อมมีประโยชน์มาก ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข่าวสารของสินค้าต่างๆ อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มาดูกันว่ามีประโยชน์ข้อใดบ้าง

สร้างลูกค้าใหม่ : การทำ SEO โปรโมทเว็บไซต์สร้างโอกาสให้ธุรกิจเข้าตาลูกใหม่ที่ยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ มีความต้องการตรงกันได้เข้ามารู้จักและเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บเร็วขึ้น ส่งผลดีทั้งในเรื่องเพิ่มโอกาสขายสินค้ามากขึ้น เข้าถึงลูกค้าตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในกูเกิลดีขึ้นด้วย ยิ่งเป็นสินค้าใหม่หรือเว็บไซต์ใหม่ การทำ SEO มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การทำอันดับปรากฏขึ้นมาภายในหน้าแรกๆ ในการค้นหาทางเสิร์จเอนจิน ช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือต่อลูกค้าใหม่ และสะดวกสำหรับลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุนเป็นขาประจำ

ประหยัดค่าใช้จ่าย : การทำเว็บไซต์หรือโฆษณาทางเฟซบุ๊กและสื่อโซเชียลมีเดียมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยหรือไม่เสียค่าใช้จ่าย เว้นแต่จะซื้อโฆษณาในกูเกิลเพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันสูงขึ้น การโฆษณาด้วยวิธีดังกล่าวเสียค่าใช้จ่ายแพงไม่น้อย หากเลือกทำ SEO ให้เว็บไซต์ปรากฏในสายตาผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อแนะนำสินค้าและบริการต่างๆ อธิบายให้เห็นจุดเด่นข้อดีทำให้ลูกค้าใหม่จดจำผลิตภัณฑ์ง่ายขึ้น สามารถสร้างแบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น จะส่งผลดีต่อยอดขายในปัจจุบัน และต่อเนื่องไปถึงสินค้าที่จะออกมาจำหน่ายในอนาคต เรียกว่าสร้างความน่าเชื่อถือได้และขยายฐานลูกค้ามากขึ้นด้วยโดยถือว่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยมากกว่าเมื่อเทียบกับการโฆษณาผ่านสื่อทั่วไป

มีโอกาสขายได้มากขึ้น : ลูกค้าทุกวันนี้มีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ ส่วนมากค้นหาสิ่งที่ต้องการผ่านกูเกิล เลือกคลิกเข้าไปดูรายละเอียดในแต่ละเว็บที่นำเสนอรายการสินค้าหรือบริการที่มีความสนใจเป็นทุนเดิม เว็บที่ปรากฏขึ้นมาก่อนในอันดับแรกๆ ย่อมมีโอกาสขายได้มากกว่า หมายความว่าการทำ SEO อย่างถูกต้องจะทำให้เว็บไซต์ของเราเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะการเขียนบทความที่มีคุณภาพ เนื้อหากระชับน่าอ่าน รวมถึงการเลือกคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดจะเพิ่มความสะดวกมากขึ้น ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ยอดขายสูงขึ้นได้ สามารถโฆษณาขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เปรียบเทียบหลังจากโปรโมทสินค้าก่อนและหลังการทำ SEO เพื่อให้ทำอันดับในกูเกิลได้เร็วกว่า ลองตรวจสอบดูว่ามีจำนวนคนเข้าเว็บเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ มีลูกค้าใหม่ติดต่อเข้ามามากขึ้นอีกเปอร์เซ็น หากผลลัพธ์พบว่าเพิ่มยอดขายได้อย่างเห็นผล จะรู้สึกว่าคุ้มค่าแน่นอน

อันดับคนเข้าเว็บ

โครงสร้างของเว็บไซต์ เรื่องที่คุณควรใส่ใจเมื่อทำ seo

การทำ SEO จะต้องมีการวางแผนพร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ให้ดี อย่างน้อยหลักหรือเทคนิคในการทำ seo ของแต่ละท่าน เชื่อได้เลยว่าย่อมที่จะแตกต่างกันออกไป แต่การทำ seo จะต้องทำเว็บไซต์ของเราให้อยู่ภายในเกณฑ์ที่ google พึงพอใจ ซึ่งคุณจะได้คะแนนจาก google มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในทุกช่วงเวลาทางด้าน google จะคอยมองเว็บไซต์ของคุณอยู่เสมอ การเยี่ยมชมของ google ย่อมเกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งจะมีการตรวจดูว่าเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของคุณ พร้อมทั้งคีย์เวิร์ดมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และนอกเหนือจากนี้อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญ คงจะหนีไม่พ้นไปจากโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งการทำ seo ในแต่ละครั้งจะต้องมีการปรับและตกแต่งโครงสร้างพร้อมทั้งประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีและมีความน่าเชื่อถือเสียก่อน

เรื่องที่คุณควรใส่ใจเมื่อทำ seo

โครงสร้างและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ จำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกับเทคนิคในการจัดทำเว็บร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย ความปลอดภัย หรือแม้กระทั่งความเร็วก็ตาม ทุกอย่างจะดีและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง หากเจ้าของเว็บไซต์ไม่สามารถปรับหรือตกแต่งได้ อาจจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญได้เข้ามาดูแลให้อีกที

  • การทำ HTTPS ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อที่เราจะสามารถสร้างฐานความปลอดภัย ผ่านการรับส่งข้อมูลภายในเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น
  • Responsive Desing เพื่อที่จะทำให้เกิดการแสดงผลได้อย่างเหมาะสมผ่านอุปกรณ์ทุกรูปแบบและทุกขนาด
  • Inbound Link เป็นการเพิ่มเติมประสิทธิภาพเพื่อที่จะทำให้แต่ละหน้าของบนเว็บไซต์เรานั้น สามารถที่จะเชื่อมโยงกันได้เป็นอย่างดี และจะต้องพยายามเพิ่มคะแนนแบล็คลิงค์ในแต่ละหน้าได้ให้ดีด้วย
  • เลือกใช้เทคนิคอื่น ๆ เข้ามาเสริมและเพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณแลดูดีและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
  • ใช้ Hosting ที่ดูน่าเชื่อถือ ย่อมมีผลด้วยเช่นเดียวกัน

จริง ๆ แล้วในส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ หากทางด้านเจ้าของเว็บไซต์ไม่สามารถตรวจสอบหรือพัฒนาได้ ควรเลือกผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เข้ามาทำการตรวจสอบ ปรับและแก้ไข พร้อมทั้งพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น หากประสิทธิภาพเว็บห่วยก็คงเหมือนเข้าเว็บบ้านผลบอลแล้วล่มจนเช็คผลการแข่งไม่ได้ สักพักจะเสียทราฟฟิคคนเข้าชมไปแน่นอน ซึ่งถ้าหากทุกอย่างถูกปรับให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้ ย่อมส่งผลทำให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าจับตาจ้องมองของ google และทาง google อาจจะให้คะแนนคุณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้เช่นเดียวกัน ตราบใดที่เว็บไซต์ของคุณทำให้ google มองเห็นว่าดีและมีประสิทธิภาพจริง ไม่นานการทำ seo ของคุณก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ในที่สุด

เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วย Meta Tag

เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์สำหรับ Search Engine ด้วย Meta Tag

เมตา แท็ก (Meta Tag ) เป็นตัวอย่างข้อความที่ทำให้เครื่องมือค้นหา (Search Engine)เข้าใจวัตถุประสงค์หลักของหน้าเว็บหนึ่งๆ ช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าหน้าเว็บไซต์ของคุณเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ดังนั้น จึงจัดทำดัชนีอย่างถูกต้องและเพิ่มการจัดอันดับ หากพูดง่ายๆก็คือ เมตา แท็ก เป็นสิ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บของคุณไปยัง Spider หรือบอท ที่เป็นตัวเก็บข้อมูลจาก Google หรือเสิร์ช เอนจิ้น ตัวอื่นๆ สำหรับการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์เพื่อการจัดอันดับที่ดียิ่งขึ้น เหล่านี้มีความสำคัญมากใน SEO และนี่คือบางส่วนที่สำคัญและแตกต่างกันไปของ เมตา แท็ก ที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น ดังนั้น ขอเจาะลึกลงไปเพื่อทำความเข้าใจให้ดีขึ้น

Title Tag : เป็นชื่อหลักของหน้าเว็บซึ่งแสดงในผลการค้นหา ต้องเป็นเอกลักษณ์และเกี่ยวข้องกับคำอธิบายที่เขียนขึ้นในบริบท ควรมีความชัดเจนเพียงพอที่จะแสดงหรือบ่งบอกวัตถุประสงค์ให้กับเครื่องมือค้นหาและผู้อ่านเพื่อให้เข้าใจหน้าเว็บของคุณได้ดีขึ้น ปกติ Google จะแสดงแท็ก title เพียง 50-60 อักขระและคุณต้องคำนึงถึงขีด จำกัด นี้ในขณะที่กำลังสร้างไม่ให้ยาวเกินไป

Description Tag : คำอธิบายแท็ก เป็นเพียงคำอธิบายสั้นๆ ของหน้าเว็บของคุณซึ่งจะช่วยให้ Google เข้าใจข้อเสนอพิเศษของคุณ ขีด จำกัด ของคำอธิบาย Meta Description ที่แนะนำคือ 160 ตัวอักษร ซึ่งรวมถึงช่องว่าง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำอธิบายที่คุณมีการสร้างควรมี Keyword ที่มีลักษณะเป็น Longtail Keyword รวมอยู่ด้วย

Robots Meta Tag : นี่เป็นโค้ดที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดทำดัชนี(index)หน้าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ของคุณ เราควรเรียนรู้เกี่ยวกับรหัสทั้งหมดของ Robots ซึ่งรวมถึงคำต่างๆเหล่านี้ เช่น Index, Follow,No Index,No Follow เพื่อจะได้นำไปใช้ในส่วนที่ที่มีความเหมาะสม หากคุณไม่มีความรู้ด้านเทคนิคในส่วนนี้ก็อาจใช้วิธีการจ้างผู้เชี่ยวชาญก่อน แล้วค่อยๆเรียนรู้ด้วยตัวเองในภายหลังก็ได้

ALT Tag : เป็นส่วนที่ใช้ในรูปภาพเพื่อช่วยให้ Google เข้าใจว่ารูปภาพของคุณเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอะไร ทำให้ภาพของคุณเข้าถึงทั้งได้ทั้งส่วนของคนและเครื่องมือค้นหา

Header Tag : อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามมากที่สุด แต่ Header Tag ใช้ในการจัดโครงสร้างหน้าของคุณในส่วนหัวเรื่อง (Heading) และหัวเรื่องย่อย (subheading) ช่วยปรับปรุงการนำเสนอหน้าเว็บของคุณและช่วยเพิ่มความสดวกให้ Spider ของ Serach Engine และคนที่เข้าชมเว็บด้วย

เหล่านี้เป็นแท็ก Meta ซึ่งมีความสำคัญมากใน SEO และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็ควรคนึกถึงสิ่งต่างเหล่านี้แต่หากทำไม่เป็นจริงๆก็ควรจ้าง บริษัท SEO มืออาชีพที่ให้ความช่วยเหลือสำหรับการปรับปรุงเพื่อการจัดอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ของคุณมากกว่าปล่อยผ่านไปเลยโดยไม่สนใจ

SEO Tactics

ทำ SEO แล้ว ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะตรวจสอบได้ ?

ในส่วนนี้เชื่อได้เลยว่าหลายต่อหลายคนก็อาจจะสงสัยเหมือนกันว่า เมื่อเราได้ทดลองทำ SEO ไปบ้างแล้ว เราจะต้องรอนานแค่ไหนถึงจะสามารถตรวจสอบได้ว่า การทำ SEO ของเรานั้นได้ผลมากน้อยขนาดไหน? และจะต้องทำอะไรต่อไปเป็นสำคัญ จริง ๆ แล้วในส่วนของการตรวจสอบนับได้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณทำการเปิด chrome ขึ้นมา แล้วทำการเข้าสู่โหมด Incognito หลังจากนั้นให้ทดลองใส่คำคีย์เวิร์ดลงไป ซึ่งจะต้องเป็นคำที่คุณคิดว่าทางด้านผู้ใช้จะใช้ค้นหา แล้วให้ลองดูว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นได้ติดอยู่ที่อันดับเท่าไหร่กันแน่ แต่ถ้าหากคุณพยายามเปิดไปที่หน้า 2 และหน้า3 กลับไม่พบเว็บไซต์ของคุณเลย ขอให้คุณหยุดทำการค้นหา เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่คุณจะต้องทำต่อไปคือต้องเริ่มทำ SEO คำที่คุณค้นหาเมื่อสักครู่ แล้วไม่พบเว็บไซต์ของคุณ

เมื่อทดลองแล้ว ต้องรอนานไหมกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง

เชื่อได้เลยว่าผู้ที่จัดทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของตนเอง ย่อมที่จะคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีตามมากันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการที่ได้เห็นเว็บไซต์ของตนเองมีอันดับที่ดีขึ้นในวันถัดมา ถือได้ว่าเป็นความปรารถนาที่ชัดเจน แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การทำ SEO ไม่ได้ส่งผลหรือทำให้เกิดผลดีได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นอย่างมาก อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ตามมาอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ดีก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อย่างเร็วที่สุดคุณอาจจะต้องรอนานเป็นเดือน สองเดือนขึ้นไปเป็นหลัก

ต่อให้ต้องรอนาน แต่ความสม่ำเสมอย่อมสร้างผลดี

บางคนอาจจะมองว่า การทดลองทำในแต่ละครั้งจำเป็นจะต้องรอระยะเวลาเป็นเดือน ๆ ส่งผลทำให้พวกเขารู้สึกท้อไปในที่สุด และไม่อยากที่จะอัพเดทการทำ SEO ให้กับตนเองในระหว่างที่รอ หากเป็นเช่นนี้ย่อมส่งผลเสียอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณจะต้องทำในระหว่างที่รอ คือ การทำ SEO อย่างต่อเนื่องและทำแบบเสมอต้นเสมอไป มีความสม่ำเสมอและอย่าหยุดรอเป็นอันขาด ทุกอย่างที่มีผลต่อการทำ SEO ในระหว่างนี้คุณจะต้องพยายามทำทั้งหมดเพื่อให้เกิดผลดี ไม่แน่ว่าอันดับหรือคะแนนของเว็บไซต์ของคุณจะดีขึ้นได้อย่างจริง ๆ รวดเร็วกว่าที่คุณคาดคิดเอาไว้ก็เป็นได้

การทำ SEO เปรียบเสมือนว่าคุณได้เริ่มต้นลงสนามแข่งขันอย่างจริงจัง และคุณจะต้องจริงจังกับมันเท่านั้น ถึงแม้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นอับดับแล้วก็ตาม การหยุดทำ SEO จะส่งผลต่ออันดับคุณได้ในระยะเวลาต่อมาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร คุณจะต้องไม่หยุดทำ SEO เป็นอันขาด

SEO Tutor

วิธีแก้ไขสถานการณ์ เมื่อทำ SEO แล้วอันดับไม่ดีขึ้น

ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับกลุ่มคนที่ต้องจัดทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ หากพวกเขายังคงต้องเผชิญกับความผิดหวังผ่านการทำ SEO อยู่เช่นเดิม เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์ให้ตรงกับเกณฑ์การพิจารณาของ google ได้สักที เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกใช้บริการจากผู้จัดทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ คุณจำเป็นจะต้องเลือกผู้ให้บริการสักนิด บางคนเก่ง บางคนไม่เก่ง ฝีมือย่อมมีความแตกต่างกันออกไป อย่างน้อยการเปลี่ยนแปลงข้อผิดพลาด ตลอดจนกระทั่งการที่เราหันมาใส่ใจที่จะพัฒนาเว็บไซต์ของตนเอง ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่คุณจะต้องทำอย่างมากที่สุดและไม่ควรพลาด อย่างน้อยถ้าหากค้นพบว่าผิดหวังจากการทำ SEO วิธีแก้ไขสถานการณ์ คุณจะต้องทำสิ่งเหล่านี้

ต้องปรับแต่งพัฒนาเว็บไซต์ใหม่

เมื่อคุณทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ แล้วยังคงพบว่าต่อให้ทำอย่างไรอันดับก็ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด คุณจะต้องหยุดและหันมาพัฒนาเว็บไซต์ของคุณแทน ด้วยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับหลักเกณฑ์การพิจารณาของ google ให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยการพัฒนาที่ว่านี้ จะสามารถนำพาเว็บไซต์ของคุณให้ก้าวขึ้นอันดับต้น ๆ ได้ ไม่แน่ว่าการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงหลักเกณฑ์ของ google ต่อให้คุณไม่ได้ทำ SEO อะไรเลย แต่อันดับของเว็บไซต์ของคุณ ก็ยังคงสามารถกลับมาดีขึ้นได้อย่างน่าตกใจเลยทีเดียว ส่วนหลักการในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับหลักเกณฑ์การพิจารณาของ google นั้น คุณจะต้องทำหลากหลายอย่างด้วยกัน ในส่วนนี้คุณสามารถศึกษาแนวทางหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้บนโลกโซเชียลเน็ทเวิร์กค่ะ

สร้างจุดเด่นกว่า เพื่อปิดกั้นคู่แข่งขัน

การที่อันดับเว็บไซต์ของคุณไม่ดีขึ้นเลย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคู่แข่งขันของคุณนั้นมีจำนวนมาก หรือไม่ คู่แข่งขันของคุณยังคงสามารถปรับและพัฒนาเว็บไซต์ได้ดีกว่าคุณอย่างแท้จริง ซึ่งในส่วนนี้คุณจะต้องศึกษาความรู้เพิ่มเติมให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งขันหรือแม้กระทั่งตลาด หากคุณรู้จุดและสามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขเว็บไซต์ของคุณให้ดีกว่าคู่แข่งขันได้ แน่นอนเลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จ ผ่านการผลักดันให้เว็บไซต์ของคุณนั้นมีอันดับที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

สิ่งที่คุณจะต้องทำจริง ๆ หลังจากที่ค้นพบว่า ทำ SEO เท่าไหร่ก็ไม่ได้ดีหรือแตกต่างไปจากเดิม ก็คือ ให้ทำการตรวจสอบดูก่อนว่า เว็บไซต์ของคุณนั้นมีคุณภาพพอและตรงกับหลักเกณฑ์การพิจารณาของ Google หรือไม่ ตลอดจนกระทั่งทำการเปรียบเทียบผลงานกับคู่แข่งขัน ว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะชนะคู่แข่งขันได้มากน้อยขนาดไหน และพยายามพัฒนาให้ตรงจุด ไม่นานเว็บไซต์ของคุณจะทะยานสู่หน้าแรกของกูเกิลได้อย่างแน่นอน