แนะนำเทคนิคการเขียน SEO เบื้องต้น ที่ใครก็ทำได้

แนะนำเทคนิคการเขียน SEO เบื้องต้น ที่ใครก็ทำได้

การเขียนบทความหรือคอนเทนต์ SEO นั้น ย่อมแตกต่างไปจากการเขียนบทความทั่วไป เนื่องจาก SEO จำเป็นต้องคำนึงถึง Keyword หรือคำสำคัญที่เราต้องการจะใช้ ซึ่งต้องมีการวางแผนล่วงหน้าระดับหนึ่ง อีกทั้งยังต้องใช้ประสบการณ์พอสมควรในการดันให้บทความหรือคอนเทนต์ SEO นั้น ๆ ขึ้นไปติดหน้าแรก ๆ ในการค้นหาของ Google แต่ขอเพียงหมั่นฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากขึ้น การทำ SEO ให้ได้ผลดีก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป อย่างที่เราจะมาแนะนำ เทคนิคการเขียน SEO เบื้องต้นที่ใครก็ทำได้

1) วางแผนก่อนเขียนด้วยการทำ Keyword Research
การทำ Keyword Research หรือการวางแผนการใช้คำสำคัญ​คือกระบวนการแรกที่ควรทำก่อนจะลงมือเขียนอะไร เพื่อที่เราจะได้เลือกใช้คำสำคัญหรือคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งาน Search Engine ให้ความสนใจหรือมีการค้นหาเป็นจำนวนมาก โดยเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยเราได้ คือ Google Keywords Planner, Ubersuggest และ Moz ส่วนใครที่เริ่มมีประสบการณ์ทำ SEO มากหน่อยก็สามารถขยับไปใช้ซอฟท์แวร์ระดับมือโปรอย่าง Ahrefs, Mangool, Semrush ที่ช่วยให้เราสามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างเหมาะสม

2) ใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกที่ถูกเวลา
หลายคนที่เพิ่งหัดเขียนคอนเทนต์ SEO มักจะเข้าใจว่าการใส่คีย์เวิร์ดให้เยอะที่สุดจะยิ่งช่วยดันให้บทความหรือคอนเทนต์ของเราไปติดอันดับได้ง่าย แต่ความจริงแล้วผิดถนัด เนื่องจากการใช้คีย์เวิร์ดที่ล้นเกินไปหรือผิดธรรมชาติไม่สอดคล้องกับบริบท มีโอกาสที่ระบบอัลกอริทึมจะมองว่าคอนเทนต์ของเราเป็นสแปม (Spam) จนอาจถูกปิดกั้นการเข้าถึงได้ ดังนั้น การใช้ คียเวิร์ด จึงควรเน้นที่จุดสำคัญอย่างชื่อเรื่อง (Title), ชื่อหัวข้อย่อย (H1, H2, H3…), คำอธิบายอย่างย่อ (Meta Description) และใช้กระจายในเนื้อหาอย่างเหมาะสม เป็นธรรมชาติ

3) อย่าลืมใช้คีย์เวิร์ดใกล้เคียงตามความเหมาะสม
หากจำเป็นต้องใช้ คีย์เวิร์ดซ้ำกันมาก ๆ จนทำให้บทความหรือคอนเทนต์ของเรามีคีย์เวิร์ดซ้ำ ๆ เยอะเกินไป เราก็สามารถเลี่ยงได้ไม่ยากโดยการใช้คีย์เวิร์ดใกล้เคียงเช่น คีย์เวิร์ดคำว่าการดูหนังเราก็อาจเลี่ยงไปใช้คำใกล้เคียงอย่างการดูภาพยนตร์ซึ่งช่วยให้บทความของเราดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้คำซ้ำ ๆ จนเกินความจำเป็นนั่นเอง

4) เขียนให้รู้เรื่องและน่าอ่าน
การพัฒนาสกิลด้านการเขียนนั้น จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์ โดยเฉพาะการเขียนให้อ่านรู้เรื่องแถมยังมีความลื่นไหลน่าติดตามนั้น สำคัญพอ ๆ กับการเลือกใช้คีย์เวิร์ดเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ยิ่งเราเขียนได้ลื่นไหลน่าอ่านมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลต่อการแชร์และการไลค์ของคนในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอัลกอริทึมของ Google ให้ความสำคัญกับกระแสความสนใจในโซเชียลมีเดียอย่างมาก ดังนั้น ยิ่งมีคนแชร์หรือโพสต์อะไรเกี่ยวกับคอนเทนต์ของเรามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสติดหน้าแรก ๆ ของ Google มากเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เทคนิคการเขียน SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้น ยังมีกลเม็ดเด็ดพรายอีกมากมายที่ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเขียนเนื้อหาเพื่อ​ SEO ทั้ง 4 ข้อที่เรายกมาแนะนำเป็นเทคนิคพื้นฐานที่ควรเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อต่อยอดไปสู่การเขียนเนื้อหาเพื่อ SEO ในระดับที่สูงขึ้นต่อไป

3 เทรนด์ SEO มาแรงปี 2020

3 เทรนด์ SEO มาแรงปี 2020

เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค Digital Marketing หรือการตลาดดิจิทัลอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าระบบดิจิทัลและเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค ต่างเริ่มมีอิทธิพลต่อการทำงานและชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น เพื่อให้ชีวิตและธุรกิจเดินหน้าไปต่ออย่างทันยุคทันสมัย เราควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 3 เทรนด์ SEO การตลาดบนโลกออนไลน์ ซึ่งกำลังมาแรงในปี 2020 นี้คืออะไร และมีวิธีเข้าถึงได้อย่างไร

1.Featured Snippets ในยุคที่การทำธุรกิจออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้นเป็นทวีคูณ แทบจะทุกเพจต้องปรับตัวทำการไลฟ์สด ลดกระหน่ำ จนลูกค้าเลื่อนดูตามแทบไม่ทัน แถมด้วยการทำSEO ในแบบใหม่ ๆ ซึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปีนี้นั้นคือการเพิ่ม SEO ให้เว็บไซต์นั้นดูดีด้วย Featured Snippets (ฟีเจอร์สนิปเพท) เจ้าFeatured Snippets ที่ว่านี้คือ กรอบสี่เหลี่ยมที่แสดงให้เห็นหลังจากที่เราพิมพ์คำค้นหาเรื่องราวต่าง ๆ ที่สนใจลงไปใน Google และคำตอบเหล่านั้นเองที่ Google ได้ทำการประมวลผลจากข้อมูลโดยเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีผู้อ่านเป็นจำนวนมาก โดย Featured Snippet จะแสดงผลอย่างรวดเร็วต่อคำถามที่เราค้นหาว่า สิ่งนี้คืออะไร มีความหมายว่าอะไร หรือทำอย่างไร ทำให้ Featured Snippet ได้รับความนิยมสูง เพราะช่วยให้การเติบโตของเว็บไซต์ทำได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการโปรโมท ซึ่งมีหลักการดังนี้

  • เขียนบทความที่แสดงถึงคำตอบและสรุปเนื้อหาได้อย่างชัดเจนภายในย่อหน้าแรก
  • จัดโครงสร้างของเว็บไซต์ โดยการใส่ Headline เรียงลำดับโครงสร้าง เพื่อให้ Google ทำการค้นหาได้ง่ายและเข้าไปดึงข้อมูลจากเว็บไซต์เพื่อนำมาแสดงผลได้ถูกต้อง
  • จัดโครงสร้างเนื้อหาอย่างมีลำดับขั้นตอน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการนำไปใช้เป็น Featured Snippets

2.Voice Search ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบ AI ของ Google เพื่อช่วยให้เข้าถึงภาษาต่าง ๆ ในโลกนี้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากสถิติข้อมูลการใช้งานพบว่า ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้บริการ Voice Search เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการเขียนเนื้อหาหรือ Content ในรูปแบบการสร้างบทสนทนา ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ถูกดึงข้อมูลไปใช้ และมีการค้นคว้าเชื่อมโยงกับเว็บไซต์มากขึ้น

3.WebP คือไฟล์ภาพที่ Google พัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของแอนดรอยด์และ Google ข้อดีของไฟล์สกุล WebP คือขนาดภาพที่เล็กกว่าไฟล์ชนิดอื่น ๆ มีคุณภาพเทียบกับสกุล JPEG แต่มีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า PNG สามารถทำภาพ Animation แบบ GIF ได้ แต่พิเศษกว่าตรงที่มีจำนวนสีมากถึง 24 bit ซึ่งช่วยให้ WebP มีสีสันเสมือนจริงทั้ง ๆ ที่มีขนาดไฟล์เล็กมาก คุณสมบัตินี้จึงช่วยให้สามารถโหลดเนื้อหาและรูปภาพหรือวิดีโอประกอบเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว

ในโลกของการตลาดยุคดิจิทัล เพียงเราเปิดกว้างพร้อมเรียนรู้วิทยาการความก้าวหน้าใหม่ ๆ เราก็จะสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของเทรนด์ SEO ใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรง เพื่อประโยชน์ในการทำการตลาดแบบดิจิทัลให้ทันกระแสได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างทำ SEO

สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างทำ SEO

การทำ SEO เป็นเทคนิคการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น และได้ส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้นในระยะยาว การทำ SEO หรือ search engine optimization ตามระบบที่ Google ได้ให้แนวทางไว้ เป็นเรื่องที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาและความตั้งใจสม่ำเสมอ มิฉะนั้นอันดับก็จะไม่สามารถอยู่ในระดับ Top 5 Top 10 ได้นาน

  • เลือกจากราคา หรือ คุณภาพ?

บริษัทรับทำ SEO ที่มีผู้เชี่ยวชาญรวมตัวกันเป็นทีม จึงเปิดตัวเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าของกิจการธุรกิจออนไลน์ โดยเรียกค่าใช้จ่ายเป็นแพ็กเกจรายเดือน การจ้างบริษัททำ SEO ที่ดี เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากพอ ๆ กับการเลือกบริษัททำเว็บไซต์ออนไลน์ ควรคัดเลือกที่คุณภาพมากกว่าราคา เนื่องจากการแข่งขันในโลกธุรกิจออนไลน์มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นในทุกปี

  • ผลงานและความน่าเชื่อถือ

การทำ SEO ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตบทความที่มีคำสำคัญตรงกับการค้นหาของลูกค้าเป้าหมาย การทำคลิปวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจผู้คน การพัฒนาโครงสร้างความสวยงามของเว็บไซต์ให้ผู้บริโภคใช้งานง่าย ฯลฯ เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ว่าจ้างควรศึกษาผลงานย้อนหลังหรือผลรีวิวต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบก่อนเลือกจ้างบริษัทที่ดีที่สุด

  • การรับประกันอันดับในผลการค้นหา

ข้อสังเกตสำคัญประการหนึ่ง คือ บริษัทรับทำ SEO ที่ดี จะไม่การันตีผลเลิศเกินไป โอกาสที่จะได้อันดับ Top 1 จากการจ้างทำตลอดเวลาเป็นเรื่องยาก เพราะระบบอัลกอริทึ่มของกูเกิ้ลมีการสะสมข้อมูลเป็นระยะ ความเป็นไปได้สูงคือ อยู่ในอันดับติดหนึ่งในสาม หรือ top3 เท่านั้น วิธีที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณก่อนจ้างคือ เลือกบริษัทที่มีการรับประกันผลการทำอันดับ SEO ว่าต้องดีขึ้นตามแพ็กเกจที่เลือก หากทำไม่ได้จะมีการชดเชยค่าเสียหายให้ อย่างไรก็ตาม การสูญเสียโอกาสในการขายสินค้าและจำนวนคู่แข่ง ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาความเสี่ยงนี้ จึงควรเลือกจ้างงานอย่างพิถีพิถันอยู่เสมอ

  • ค่าใช้จ่าย

สำหรับค่าใช้จ่ายในการจ้างทำ SEO โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน กรณีที่การันตีผลลัพธ์อันดับ Top 10 แต่ถ้าอันดับท็อป 3 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 50,000 บาทต่อเดือน เห็นได้ว่ายิ่งอันดับที่คาดหวังเป็นอันดับสูง ก็ยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของ keyword ที่ใช้ด้วยว่ามีอัตราการแข่งขันสูงหรือไม่ ซึ่งทางบริษัทจะต้องทำใบเสนอราคาเพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้พิจารณาก่อนการทำสัญญาจ้างงาน

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างบริษัททำ SEO มีอยู่หลายประการ หากคุณรู้หลักการในการทำ SEO แล้ว ก็สามารถทำด้วยตัวเองได้ แต่หากไม่มีเวลา ก็แนะนำให้เลือกจ้างบริษัทที่เป็นมืออาชีพ โดยคำนึงถึงประเด็นที่กล่าวมา เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างดียิ่งขึ้น

SEO จำเป็นแค่ไหน สำหรับการตลาดปี 2020

SEO จำเป็นแค่ไหน สำหรับการตลาดปี 2020

เราเคยได้ยินคำว่า SEO บ่อยในระยะ 2-3 ปีมานี้ โดยเฉพาะคนที่ทำงานในสาขาการตลาดหรือสนใจการทำเว็บไซต์ออนไลน์ แต่ผู้ที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจในระบบอินเทอร์เน็ต 1-2 ปี นี้ โดยเฉพาะในช่วงไวรัสโควิดระบาด อาจยังไม่เข้าใจว่า SEO สำคัญอย่างไร เราจึงได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ มาฝากกันที่นี่

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นหลักเกณฑ์ที่ Google กำหนด เพื่อใช้ในการแยกคุณภาพของเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้เหมาะสม สังเกตจากเมื่อเราลองสืบค้นด้วยคำสำคัญใด ๆ ในช่องค้นหา เช่น มือถือยอดนิยม 2020, โรงแรมภูเก็ต, เสื้อผ้าแฟชั่นราคาถูก ฯลฯ จะปรากฏชื่อของเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับคำนี้ ลำดับตามคุณภาพ SEO จากสูงไปต่ำในหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์

นั่นย่อมแสดงว่า เมื่อพัฒนาเว็บไซต์ด้วยหลักการตลาดอิงระบบ SEO ผลที่ตามมาแล้ว เว็บไซต์นั้น ๆ ย่อมมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่ระบบอัลกอริทึมพิจารณาให้คะแนน SEO และมีโอกาสมากขึ้นหลายเท่าตัวที่จะได้ปรากฏชื่อในด้านบนของหน้าต่างผลลัพธ์การค้นหาใน Google จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีบริษัทเอกชนมากมายรับจ้างทำการตลาดแนว SEO ให้เว็บไซต์ลูกค้า โดยดูแลต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์เหล่านั้นได้ติดอันดับด้านบนของการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดต่าง ๆ โดยหากอยู่ในอันดับ TOP 3 ก็จะยิ่งดีและสัมพันธ์กับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วย SEO ยังเปรียบเหมือนตัวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ Google ด้วย โดยเชื่อมั่นว่า Google จะนำเสนอเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงอยู่ด้านบน โอกาสที่จะได้พบข้อมูลหลอกลวงหรือมีการโจรกรรมข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ ก็จะน้อยลง นักการตลาดรุ่นใหม่ในระบบออนไลน์จึงสนับสนุนการทำเว็บไซต์ SEO อย่างมาก

นี่คือช่องทางหาลูกค้าได้ตรงกลุ่มที่สุด ณ เวลานี้

หากคุณเป็นนักธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าคุณจะทำเว็บไซต์ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษเพื่อขายสินค้าให้ลูกค้าที่เป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ การเรียนรู้เรื่อง SEO จึงเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานไปแล้ว เมื่อคุณต้องการกลุ่มลูกค้าฟุตบอล เพียงแค่ทำเว็บให้ติดคีย์ บ้านผลบอล ทีมฟุตบอลนั้นๆ ก็จะได้คนเข้าเว็บที่ตรงความต้องการ และนี่คือคำตอบในการทำตลาดสมัยใหม่ โดยทั่วไปการทำ SEO ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การใส่บทความพร้อมภาพประกอบหรือคลิปวิดีโอที่มีความน่าสนใจสอดคล้องกับ keyword ในการค้นหา ความสวยงาม อ่านง่าย ดูแล้วสบายตา ไม่มีเนื้อหาลอกเลียนลิขสิทธิ์จากแหล่งอื่น ฯลฯ

ดังนี้แล้ว การทำ SEO จึงสำคัญสำหรับธุรกิจยุคใหม่และอนาคต ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าประเภทใด เสื้อผ้าแฟชั่น วิตามิน อาหารเสริมของใช้สำนักงาน ดอกไม้ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ธุรกิจให้บริการ เช่น การโรงแรม สอนพิเศษ บริษัททัวร์ ท่องเที่ยว ฯลฯ ล้วนต้องมีการแข่งขันโดยการทำเว็บไซต์ SEO ที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีการสั่งซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และป้องกันไม่ให้บริษัทคู่แข่งแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคุณไปได้ง่าย ๆ คงเห็นแล้วว่า การทำ SEO นั้นสำคัญอย่างไร เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกท่านที่ทำเว็บไซต์ออนไลน์ใส่ใจคุณภาพของการทำ SEO เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถอยู่รอดได้ดีในระยะยาว

ข้อผิดพลาดที่เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ

ทำ SEO มาเป็นปี แต่ทำไมเว็บไซต์ยังไม่ขึ้นบน Google สักที?

การทำเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ search engine นั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม แต่ก็มีหลายคนที่พยายามทำ SEO ถูกต้องตามหลักแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเว็บไซต์จะขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกสักที วันนี้เรามีข้อผิดพลาดที่หลายคนลืมตรวจสอบบนเว็บไซต์ของตัวเองมาให้คุณไปตรวจสอบดู

ข้อผิดพลาดที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ

Traffic น้อยหรือไม่มีเลย

บางคนทำเนื้อหาน่าอ่านและมีการอัปเดตบ่อย ๆ แต่น่าเสียดายตรงที่ว่าไม่เคยได้มีใครเข้าไปอ่านเลย โดย search engine อย่าง Google นั้นใช้ page session เป็นหนึ่งในการให้คะแนน SEO แก่เว็บไซต์แต่ละที่ หากเว็บไซต์ของคุณไม่มี traffic หรือคนเข้ามาดูเลย ก็จะทำให้โอกาสติดหน้าแรกยากสักหน่อย

ไม่มี Backlink เลย

Backlink เป็นปัจจัยที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในการทำ SEO หลายเว็บไซต์ที่ไม่ได้ทำเนื้อหาน่าอ่านเท่าไหร่ แต่มี backlink เยอะและไปอยู่บนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพก็มีโอกาสติด SEO ได้เหมือนกันนะ ฉะนั้นลองตรวจสอบดูว่าเว็บไซต์ของคุณเคยทำ backlink มาบ้างแล้วหรือยัง

ใช้ใช้คีย์เวิร์ดสั้นที่ยากเกินไป

คีย์เวิร์ดสั้น ๆ หรือ short tail keywords นั้นเป็น mass keyword ซึ่งเป็นประเภทที่หลายเว็บไซต์ใช้ทำ SEO จึงทำให้มีการแข่งขันสูงมาก เว็บไซต์ที่เพิ่งหันมาทำ SEO อาจไต่อันดับขึ้นไปยาก แล้วยังถูกต้อนพื้นที่บนหน้า search engine ด้วยเว็บไซต์ที่ใช้วิธีการโฆษณาเพื่อให้ไปอยู่บนหน้าค้นหาด้วยเหมือนกัน

เนื้อหาน้อยเกินไป

เนื้อหาในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์นั้นควรเกิน 500 คำขึ้นไป แต่หากเนื้อหาในแต่ละหน้าของคุณมีหน้าละ 300 – 400 คำ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การทำ SEO ไม่ได้ผล ฉะนั้นลองตรวจสอบดูว่าในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ของคุณนั้นมีจำนวนคำมากน้อยแค่ไหน

Domain name ติด Blacklist

สำหรับบางคนที่ซื้อ domain name ที่ผ่านการใช้งานมาก่อนหรือเคยทำผิดกฎของ search engine มาก่อนนั้น มีโอกาสที่จะติด blacklist ซึ่งบางทีคุณอาจไม่รู้ตัว ฉะนั้นต่อให้ทำ SEO ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ไต่อันดับขึ้นมาได้เลย

โครงสร้างเว็บไซต์มีปัญหา

คุณอาจไม่รู้ว่าโครงสร้างเว็บไซต์นั้นมีส่วนในการขึ้นอันดับ SEO มากพอสมควรเลยล่ะ เพราะการเชื่อมโยงในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ที่ไม่มีการจัดระเบียบให้ bot ของ search engine สามารถค้นหาง่ายนั้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เว็บไซต์ของคุณถูกเขี่ยให้ไปอยู่หน้าท้าย ๆ ได้

เอาล่ะ! ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องกลับไปตรวจสอบเว็บไซต์ของตัวเอง หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่ไต่ขึ้นอันดับของ search engine สักที นั่นอาจเป็นเพราะข้อผิดพลาดต่าง ๆ ตามที่อธิบายข้างต้น ซึ่งคุณอาจลืมทำหรือไม่ได้สังเกตมาก่อนก็เป็นได้

ทำ SEO มาเป็นปี แต่ทำไมเว็บไซต์ยังไม่ขึ้นบน Google สักที

ขั้นตอนการเขียน SEO ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้

ขั้นตอนการทำ SEO ยากไหม มีอะไรบ้าง

หากได้ศึกษาจริง ๆ แล้วจะพบว่าการทำ SEO ไม่ยากอย่างที่คิดเลย คนส่วนใหญ่ที่คิดว่ายากเพราะยังไม่เข้าใจเสียมากกว่า เหมือนตอนเด็ก ๆ เห็นเครื่องหมาย + ก็คิดว่ายาก แต่พอได้เริ่มเรียนแล้วเข้าใจถึงรู้ว่ามันง่าย การทำ SEO ก็เช่นกัน ไม่เพียงแต่คนทั่วไปจะสามารถทำแล้ว ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจขายสินค้าหรือบริการก็ยิ่งจำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ต่อธุรกิจเอง รับรองเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด

ขั้นตอนการเขียน SEO ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้

กำหนด Keyword เราต้องทราบก่อนว่าสินค้าหรือบริการที่เราต้องการจะนำเสนอคืออะไร แล้วเวลาลูกค้าหรือผู้อ่านจะค้นหาสิ่งนั้น ๆ เขาพิมพ์ว่าอะไรกัน โดยเราสามารถหา Keyword ที่ตรงกับสินค้าหรือบริการของเราได้จากการจัดอันดับบน Google

มีเนื้อหาที่น่าสนใจ หนังไม่สนุก ใครจะอยากดู การทำ SEO ไม่ใช่สักแต่จะขายของ ควรมี Content อื่น ๆ ที่น่าสนใจประกอบร่วมไปกับการนำเสนอสินค้าหรือบริการอย่างแยบยล ดึงดูดความสนใจให้ผู้อ่านได้ติดตามต่อไปเรื่อย ๆ

ควรมี Keyword กระจายทั่วบทความ โดยเฉพาะตรงส่วน Title และ Description จะขาดไม่ได้เลย เพราะส่วนนี้จะทำให้การค้นหาทำได้ง่ายขึ้น เนื้อเรื่องบทความเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงเป็นจิตวิทยาที่ทำให้ผู้อ่านได้ซึมซับกับคำนั้น ๆ ลงไปในจิตใต้สำนึกอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามผู้ทำ SEO ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมชาติด้วย เพราะการใส่ Keyword เยอะจนเกินไป ก็อ่านแล้วรู้สึกติดขัดได้เช่นกัน

จำนวนคำไม่ควรน้อยหรือมากไป ตรงนี้ไม่มีข้อกำหนดที่ชัดเจนว่าการทำ SEO ต้องมีจำนวนคำเท่าไหร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะนำเสนอใคร ถ้าต้องการจะนำเสนอเด็กวัยรุ่นก็ไม่ควรมีจำนวนคำมากนัก 300 – 500 คำกำลังพอดี แต่ถ้าต้องการนำเสนอผู้ใหญ่ ก็จำเป็นต้องมีข้อมูลให้ครบถ้วนประมาณ 700 – 1,000 คำโดยประมาณ แต่ก็ต้องคำนึงถึงพื้นที่หน้าเว็บไซต์ด้วยว่าการออกแบบเอื้ออำนวยความยาวของเนื้อหามากแค่ไหน

รูปและวิดีโอก็มีความสำคัญ ลองนึกง่าย ๆ ว่ามีรูปกับข้อความยาว ๆ เราเลือกจะดูอันไหน แน่นอนว่าต้องเป็นรูปเพราะเข้าใจง่ายกว่ามาก บทความที่มีเนื้อหาไม่เยอะ แต่มีรูปและวิดีโอจะได้รับความสนใจมากกว่าบทความที่มีแต่เนื้อหายาว ๆ ไม่มีรูปหรือวิดีโอเสมอขั้นตอนการทำ SEO ยากไหม มีอะไรบ้าง

ถึงตรงนี้ก็แทบจะครอบคลุมขั้นตอนของการทำ SEO ทั้งหมดแล้ว เหลือแค่ไปเจาะลึกรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น โดยรวมแล้วจะเห็นว่าไม่มีอะไรยากเลย เพียงแต่ว่าบางครั้งการทำ SEO ก็ต้องอาศัยนักเขียนที่มีความเป็นมืออาชีพพอสมควรเพื่อให้เนื้อหาที่ต้องการจะนำเสนอนั้นน่าสนใจ หากใครคิดว่าเราไม่สามารถทำได้หรือไม่มีเวลามากพอ ยังมีบริษัทที่รับทำ SEO ให้บริการอยู่ หากเปรียบเทียบค่าดำเนินการเรื่อง SEO กับการโฆษณาในช่องทางอื่น ๆ แล้ว ก็นับว่าประหยัดมากกว่า โดยเฉพาะในระยะยาว

ทำ SEO ให้ลูกค้ามั่นใจ

เทคนิคสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย SEO

อินเทอร์เน็ตเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์เป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตมีความหลากหลายมาก เช่น การ ขายของออนไลน์ ฟรีแลนซ์ อาชีพเกี่ยวกับการจัดหาที่พัก เป็นต้น เนื่องจากอินเทอร์เน็ตถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยโปรโมทและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการออฟไลน์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นมีคุณภาพและมีบริการหลังการขายที่ดี แต่สำหรับสินค้าหรือบริการบนโลกออนไลน์จะมีความยากกว่า เพราะลูกค้าจะไม่เห็นหน้าของผู้ขาย ในบางครั้งสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ก็ไม่มีหน้าร้านที่ชัดเจน ซึ่งเทคนิคที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า มีดังนี้

ทำ SEO ให้ลูกค้ามั่นใจ

สร้างเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นหน้าร้าน โดยออกแบบให้ดูมีความน่าเชื่อถือเหมาะสมกับสินค้าและบริการ

ใส่ข้อมูลการติดต่อให้ชัดเจนและอธิบายเว็บไซต์คร่าว ๆ ว่าให้บริการหรือขายสินค้าประเภทใดบ้าง หากมีหนังสือรับรองก็ควรระบุเอาไว้ด้วย เพราะสินค้าหรือบริการบางอย่างจำเป็นที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการโพสต์หนังสือสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

จัดหมวดหมู่สินค้าหรือบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ ซึ่งการจัดหมวดหมู่ให้มีความเป็นระเบียบจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับความไว้วางใจจาก Search Engine มากขึ้นด้วย

เขียนบทความที่มีสาระความรู้โดยใช้ Keyword หลักที่มีคนค้นหาสูง แต่การแข่งขันต่ำ เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงประโยชน์ หรือปัญหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเขียนเป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 300 คำขึ้นไป เพราะเป็นจำนวนที่สามารถอธิบายให้คนอ่านเข้าใจได้ดี ใช้เวลาอ่านไม่นาน นอกจากนี้การจัดบทความให้น่าอ่าน พร้อมแทรกรูปภาพที่เกี่ยวข้องโดยใส่คีย์เวิร์ดเอาไว้ในคำอธิบายรูปภาพจะทำให้บทความติดอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น การโพสต์บทความเป็นประจำสม่ำเสมอและเป็นบทความที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่าน จะทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้ามากขึ้น เพราะลูกค้าจะเห็นว่าเว็บไซต์มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอย่างแท้จริงเทคนิคสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย SEO

การทำ Content VDO ผสมผสานกับบทความ จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากได้เห็นสินค้าหรือบริการที่แท้จริงผ่านวิดีโอ

โพสต์บทความหรือ Content VDO บนสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการโปรโมทสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

การทำบทความ SEO เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าหรือบริการจากลูกค้าได้ดี ทั้งนี้การเช็คผลตอบลัพธ์จากการอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ เช่น มีคำถามท้ายบทความว่า “บทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณหรือไม่?” และมีปุ่มสำหรับคลิกให้คะแนน เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าและนำมาปรับปรุงการเขียนเนื้อหา เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นได้

รวม SEO Plugins สำหรับคนทำ WordPress ฟรี

รวม SEO Plugins สำหรับคนทำ WordPress ฟรี!

WordPress เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก่า เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับ Search Engine รวมถึงมี Plugins หลายแบบเพื่อรองรับเป้าหมายของการทำเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังรองรับการทำ SEO หรือ Search engine optimization เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าหนึ่งใน Search Engine ด้วย โดยขั้นตอนในการทำ SEO บน WordPress มีดังนี้

ขั้นตอนการทำ SEO บน WordPress

ตั้งชื่อหัวข้อด้วย Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อย โดยตั้งให้เป็นประโยคที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้คลิกอ่านข้อมูลด้านใน โดยอาจตั้งด้วยคำถามที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจ เป็นต้น

เขียนบทความโดยใช้หัวข้อย่อยโดยใส่ Keyword เพื่อให้เกิดการตอบรับกันระหว่างหัวข้อและเนื้อหาด้านใน

เน้นคำสำคัญหรือ Keyword เพื่อให้ Search Engine มองหาคำที่เราต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นชัดเจนมากขึ้น

รูปภาพเลือกใช้รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับบทความ SEO โดยตั้งชื่อไฟล์ด้วย Keyword และใส่ Alt image เป็นคีย์เวิร์ดหลักเพื่อให้ Content ติด SEO ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้จุดที่เหมาะต่อการวางรูปภาพควรเลือกบริเวณที่มีคีย์เวิร์ดหลักล้อมรอบจะช่วยให้บทความติดอันดับ SEO ได้ง่ายขึ้น

อัปโหลดบทความเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 บทความ โดยความยาวของบทความควรอยู่ที่ประมาณ 300 คำขึ้นไป โดยอาจเขียนบทความใหม่ผสมกับบทความรีไรท์เพื่อให้เกิดการอัพเดตบทความบนเว็บไซต์อยู่เสมอ

ซึ่งหลักการในการทำ SEO บน WordPress ยังมีอีกมากมาย แต่เพื่อให้การทำ SEO บน WordPress เป็นเรื่องง่ายขึ้น การติดตั้ง Plugins ย่อมช่วยให้การทำ SEO สะดวกและมีประสิทธิภาพ

Plugin คือ ส่วนเสริมที่ช่วยให้การทำงานในฟังก์ชันต่าง ๆ บนเว็บไซต์ง่ายขึ้น โดย SEO Plugins ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

– Yoast SEO เป็นส่วนเสริมหรือ Plugins ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ทำ WordPress มากที่สุด เนื่องจากมีการติดตั้งและใช้งานง่าย รองรับการทำ SEO บน Search Engine ที่หลากหลาย เช่น การตั้งชื่อบทความใหม่ให้ตอบโจทย์ต่อการทำ SEO มากขึ้น, การสร้างลิงก์บทความที่เหมาะต่อการทำ SEO เป็นต้น

– All in One SEO Pack เป็น Plugin SEO ที่ช่วยให้การทำ SEO เป็นเรื่องง่ายขึ้น รองรับการทำ SEO title and meta tags, open graph meta tags, XML sitemaps และ image sitemaps เป็นต้น

– SEOPress เป็น SEO Plugins ที่ได้รับความนิยมรองจาก Yoast เพราะโหมดเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก แต่สามารถรองรับการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เกิดการทำ SEO ที่มีคุณภาพบนเว็บไซต์

การทำ SEO บน WordPress ให้มีประสิทธิภาพควรทำทั้ง On-page คือ การทำเนื้อหาให้มีคุณภาพโดยใช้ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อย กระจายให้ทั่วบทความโดยไม่ใช้ Keyword ถี่มากจนเกินไป ผสานกับการใช้ Plugins และ Off-page คือ ถ้าเนื้อหาดีมีคุณภาพจริง ก็จะมีเว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงถึง หรือโยงลิงก์กลับมามากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนการทำ SEO บน WordPress

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบทความ SEO เพื่อคนทำเว็บไซต์ออนไลน์

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบทความ SEO เพื่อคนทำเว็บไซต์ออนไลน์

การทำ SEO ตามระบบ search engine optimization ที่ Google กำหนด มีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและส่งเสริมธุรกิจให้มียอดขายดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่ผู้คนจะเห็นจากเว็บไซต์เป็นอย่างแรก ก็คือ บทความ SEO จากการสืบค้นในช่อง Search ของ Google ดังนั้น การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพ จึงสร้างความประทับใจเบื้องต้นแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

หลักการเขียนบทความ

การเขียนบทความใด ๆ นั้นจะต้องรู้วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น บทความทั่วไปจะเป็นแนววิชาการ เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาข้อมูลหรือเป็นการเล่าข่าวหรือเล่าผลการวิจัย ถ้าเป็นแนวเพื่อการขายและรีวิวสินค้า ก็ต้องให้ความสำคัญกับภาษาและการบอกเล่าประสบการณ์ในการใช้สินค้าหนึ่ง ๆ

แต่สำหรับบทความ SEO นั้น จะต้องเลือกจาก keyword ที่ตรงกับการค้นหาใน Google เป็น ซึ่งมีเครื่องมือที่คนทำบทความ SEO เพื่อธุรกิจออนไลน์ควรรู้จัก คือ Google search Console ที่จะมีระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ในการรวบรวมสถิติการใช้งานของคนทั่วโลกว่า ใช้ keyword ใดในการค้นหาบ้าง

ตัวอย่างเช่น การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมือถือ ก็จะมีการใช้ keyword ที่นิยมอย่าง มือถือ iPhone 11 ดีไหม หรือ มือถือ Huawei รุ่นใหม่ ใช้ง่าย เป็นต้น

หากคุณพบว่าคำเหล่านี้มีเปอร์เซ็นต์การสืบค้นมากกว่าคำอื่น ๆ และอำนาจในการแข่งขันสูง เมื่อทำบทความแล้วย่อมจะได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ที่กำลังอยากเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือตามมา เช่นนี้ ก็แสดงว่าการสื่อสารผ่านบทความ SEO เรื่องนั้น ๆ ประสบความสำเร็จในเบื้องต้นแล้ว

และถ้าคุณเป็นเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ไอที เมื่อทำบทความ SEO ที่มีการคัดเลือก keyword ที่ดีอย่างต่อเนื่อง จนสามารถกระตุ้นให้มียอดขายสินค้าในเว็บไซต์คุณมากขึ้นได้ ก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ก้าวไกลขึ้นนั่นเอง

การทำเว็บไซต์ SEO จะต้องคำนึงทั้งในส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามใช้งานง่าย ซึ่งบทความ SEO ที่นำเสนออยู่บนเว็บไซต์คือกุญแจสำคัญของธุรกิจออนไลน์ ที่ผู้ใช้งานจะมองเห็นจากหัวข้อแล้วคลิกเข้ามาอ่าน ดังนั้นการจัดหมวดหมู่ของบทความก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

ตัวอย่างได้แก่ หากคุณทำเว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องแม่และเด็ก ก็ควรจะแบ่งบทความ SEO ตามกลุ่มอายุของลูก เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์, ทารกหลังคลอดช่วง 1 ปีแรก, ทารกระยะ 1-3 ปี, เด็กเล็กก่อนวัยอนุบาล, เด็กประถม, เด็กมัธยม เป็นต้น เพื่อให้ผู้ปกครองที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยที่แตกต่างกัน สามารถที่จะคลิกเข้าไปชมข้อมูลจากเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว อันแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของผู้ทำธุรกิจเว็บไซต์และความใส่ใจที่ต้องการให้ผู้อ่านได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุด

จะเห็นได้ว่า การทำบทความ SEO ที่ดี ต้องใส่ใจผลิตให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ การหมั่นค้นหาข้อมูลที่มีความทันสมัย เพื่อทำให้บทความมีคุณภาพสูง อันจะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจออนไลน์นั้นมีความเป็นมืออาชีพด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้มีรายได้เข้าสู่ธุรกิจที่มากขึ้นในระยะยาวด้วย

หลักการเขียนบทความ

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ wordpress plugin

wordpress เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการทำเว็บไซต์ SEO ที่นิยมใช้กันทั่วโลก เพราะใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งให้ทำงานสมบูรณ์ด้วย plugin ที่ออกแบบมาให้มีความสามารถเฉพาะตัวมากถึงเกือบ 60,000 รายการ ซึ่ง plugin ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์แนะนำให้นักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่รู้จักและศึกษาการใช้งานมีดังนี้

ทำความรู้จักและศึกษาปลั๊กอินแต่ละรุ่น

Yoast SEO

เป็น plugin ตัวช่วยสำคัญอันดับหนึ่งที่คนทั่วโลกรู้จักกัน สามารถปรับแต่ง keyword ให้เหมาะสมและสัมพันธ์กับเนื้อหาและบทย่อความได้ ซึ่งจะมีการประเมินผลว่ามีคุณภาพสูงเพียงใด เป็นสัญญาณไฟ แดง เหลือง เขียว และเหตุผลที่อ่านเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ทำการแก้ไขก่อนการอัปโหลดขึ้นระบบอินเทอร์เน็ต

All In One WP Security and Firewall

เป็น plugin ที่มีความสามารถด้านระบบรักษาความปลอดภัย หลังจากติดตั้งจะลดปัญหาความเสี่ยงการโดนแฮกหรือขโมยข้อมูลสำคัญจากเว็บไซต์ ทั้งเรื่องของสินค้าที่มีสิทธิบัตร ข้อมูลบริษัทและข้อมูลของผู้บริโภค เป็น plugin ที่ทำงานเทียบได้กับระบบป้องกันไวรัสของเครื่องคอมพิวเตอร์ และยังมีจุดเด่นสำคัญคือ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

Page Builder by SiteOrigin

เป็นตัวช่วยจัดวางโครงร่างของเว็บไซต์ให้สวยงาม ใช้งานได้ง่าย แม้จะเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะมาก่อน ก็ทำให้เว็บไซต์สวยได้แบบมืออาชีพ การที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถเลือกธีมสีสันตำแหน่งการจัดวางที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างความประทับใจและทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น

WooCommerce

เป็น plugin ที่เหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์ซื้อขายของ ที่รองรับออเดอร์ลูกค้าจำนวนมากตลอดวัน อย่าง เว็บไซต์ Lazada หรือ shopee ที่มีสินค้าหลายร้อยถึงพันชิ้น plugin นี้จะช่วยในการหยิบสินค้าใส่ตะกร้า แนะนำสินค้าที่คาดว่าลูกค้าต้องการซื้อเพราะเกี่ยวข้องกันกับที่ใส่ตะกร้าไว้แล้ว ช่วยในการคิดราคาสินค้าที่ขึ้นกับวิธีการจ่ายเงินและการจัดส่ง ฯลฯ นับว่าเป็นตัวช่วยทำเรื่องยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

Smart Slider

เป็น Plugin ที่ช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ เพราะสามารถใส่ภาพที่ต้องการส่งเสริมการขายได้ที่ด้านบนของจอ แล้วให้มีการสไลด์ภาพแบบอัตโนมัติวนไปไม่มีจบ นับว่าเป็นช่องการการประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นใหม่ ๆ หรือแนะนำสินค้าใหม่ของเว็บไซต์ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาอย่างการทำ Google Ads

จากที่กล่าวมา คงเห็นแล้วว่า Plugin มีประโยชน์หลากหลายด้านที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ที่ทำบน wordpress ประสบความสำเร็จตามหลักการ SEO มากขึ้น เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยทุกท่านเห็นความสำคัญของการเลือก Plugin ที่เหมาะสมกับธุรกิจมาดาวน์โหลดใช้งานกันมากขึ้นต่อไป

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ wordpress plugin