ระบบฟังก์ชันของ Google Search Console

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Google Search Console

Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์คุณภาพของการทำ SEO ในเว็บไซต์ ทั้งในส่วนของ on-Page และการเชื่อมโยงลิงก์หรือ off-page SEO ทำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถที่จะปรับแก้ไขจุดอ่อนให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ระบบ AI ของ Google นำไปวิเคราะห์และปรับอันดับ SEO ให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอได้

หลังจากการติดตั้ง Google Search Console แล้วให้เลือก Domain หรือซับโดเมนที่ต้องการให้ตัวช่วยนี้วิเคราะห์การทำ SEO แล้วทำการยืนยันตัวตนในฐานะเป็นเจ้าของเว็บไซต์ และผู้ดูแลเว็บไซต์

ระบบฟังก์ชันของ Google Search Console มีหลายจุดที่น่าสนใจ ได้แก่

1. Performance

เป็นสถิติตัวเลขและกราฟที่ช่วยในการเห็นประสิทธิภาพในการทำ SEO ย้อนหลังไปประมาณ 1 ปี โดยจะมีค่าที่สำคัญ ได้แก่

Impressions หรือจำนวนครั้งที่เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอยู่ในหน้าต่าง Google

Clicks เป็นจำนวนครั้งที่มีคนคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ

Average CTR เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ คำนวณจากจำนวนผู้ที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์หารด้วยจำนวนผู้ที่เห็นเว็บไซต์ของคุณ คูณด้วย 100

Average Position หมายถึง อันดับในการนำเสนอเว็บไซต์คุณ หากอยู่ในอันดับบน เช่น 1-2 ในหน้าแสดงผลเว็บไซต์ จะมีความเชื่อถือจากลูกค้าสูง และมียอดการสั่งซื้อสินค้าที่สูงกว่าเว็บไซต์อันดับรองลงมาหลายเท่าตัว

2. URL Inspection

เป็นสิ่งที่สามารถใช้บอกได้ว่า แต่ละเพจที่คุณใส่ URL address ลงไปตรวจสอบในฟังก์ชั่นนี้ ถูกจัดเก็บข้อมูลไปด้วยระบบ algorithm ใน Google หรือยังหรือแสดงผลอยู่ใน XML sitemap ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญที่ช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ได้ดียิ่งขึ้น หากคุณมีการแก้ไขเพจแล้ว แต่ยังไม่มีการดึงข้อมูลไปในระบบ AI ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม Request indexing เพื่อกระตุ้นให้ระบบมาจัดเก็บได้

3. XML sitemap

เป็นแผนผังในโครงสร้างของเว็บไซต์ ที่จะแสดงให้ระบบ algorithm ของ Google ได้ทำความเข้าใจกับเว็บไซต์คุณได้ง่ายและรวดเร็ว จึงช่วยในการประมวลผลข้อมูลจัดอันดับ SEO ได้เร็วยิ่งขึ้น

4. Link

การทำ link เชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO มีทั้ง External Link หรือ off-Page SEO และ Internal Link ที่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างเพจในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะมีค่าตัวเลขที่แสดงถึง Top linking Page หรือเพจที่ผู้คนสนใจมากอันดับต้น ๆ และอีกมากมาย ให้คุณจะนำไปต่อยอดในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นตามความสนใจได้

Google Search Console เป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาเว็บไซต์ออนไลน์ของคุณให้สอดคล้องกับระบบ SEO ได้มากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีอำนาจในการแข่งขันกับแบรนด์อื่นในหมวดสินค้าเดียวกัน ต้องทำการศึกษาเรื่องการทำ SEO และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ อย่าง Google Search Console และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้อง เช่น Yoast SEO ด้วย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Google Search Console

รู้ไหม เว็บไซต์ดาวน์โหลดเร็วขึ้น อันดับ SEO ก็เพิ่มตาม

รู้ไหม เว็บไซต์ดาวน์โหลดเร็วขึ้น อันดับ SEO ก็เพิ่มตาม

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง ผู้ที่ใส่ใจพัฒนาเว็บไซต์ตามระบบ SEO จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้นจากการค้นด้วยช่อง search ใน Google โดยมีเทคนิคที่จะทำให้เว็บไซต์ได้อันดับ SEO สูงขึ้น ซึ่งมีทั้งการปรับส่วนโครงสร้าง การทำเนื้อหาบทความที่ดึงดูดใจ การทำลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น รวมถึงการเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลด้วย

การเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ของเว็บไซต์ SEO จะ เป็นผลบวกในการสร้างความประทับใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลดระยะเวลาในการดาวน์โหลด สิ้นเปลืองทรัพยากรในระบบน้อยลง ซึ่งเทคนิคในการทำมีดังนี้

1. การเลือก hosting ที่ดี

Hosting เปรียบเหมือนการเช่าพื้นที่ขายของออนไลน์ ซึ่งมีหลายแบบที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทและขนาดธุรกิจ ควรเลือก hosting ที่มีคุณภาพอย่าง Siteground และ Ruk-Com เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพช่วยดูแลระบบ server ไม่มีการรบกวนความเร็วของแต่ละเว็บไซต์ จึงลดปัญหาเว็บล่มจากการดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกันได้

2. การติดตั้งปลั๊กอิน

การทำเว็บไซต์ออนไลน์จะใช้โปรแกรม wordpress ซึ่งจะมีปลั๊กอินที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำ SEO ควรเลือกให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ดาวน์โหลดเท่าที่จำเป็น เช่น SEOปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO และ WP super cache ซึ่งทำขึ้นเพื่อใช้กับ wordpress โดยเฉพาะ ไม่ควรให้มีปลั๊กอินเกิน 15 ตัว

3. การควบคุมขนาดของรูปภาพ

การมีไฟล์ภาพที่ใหญ่เกินจำเป็น เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในระบบ ทำให้ใช้เวลาดาวน์โหลดข้อมูลนาน ซึ่งมีการเก็บข้อมูลพบว่าลูกค้ามักรอเวลาดาวน์โหลดไม่เกิน 5 วินาที เท่านั้น จึงควรลดขนาดภาพให้เล็กกว่า 200 KB การปรับขนาดให้ภาพเล็กลงด้วยโปรแกรมฟรี อย่าง photoscape เป็นตัวช่วยที่ดีทำให้ดาวน์โหลดได้เร็วยิ่งขึ้น โดยไม่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

4. การแชร์ข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น

นอกจากการผลิตบทความของตัวเองแล้ว หลายคนนิยมนำคลิปวิดีโอจาก YouTube มาใส่ที่เว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อสร้างลิงก์ เพิ่มอันดับ SEO และดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีการใช้ทรัพยากรของระบบมากน้อยเพียงใด และหากจะมีการนำรูปมาจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถ่ายทำเอง ก็ควรเช็คเรื่องลิขสิทธิ์และดาวน์โหลดมาเพื่อปรับขนาดของรูปให้เล็กลงก่อนนำไปใช้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การปรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทำเว็บไซต์ของคุณจะส่งผลต่อความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความประทับใจให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ส่งผลดีในระยะยาว คือ ทำให้มีความนิยมในการใช้บริการสืบค้นข้อมูลภายในเว็บไซต์คุณมากขึ้น และทำให้มียอดขายสินค้าและบริการสูงขึ้นด้วย

การเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูล

มาเรียนรู้การหา keyword SEO อย่างง่าย 2019

มาเรียนรู้การหา keyword SEO อย่างง่าย 2019

การเลือก keyword สำหรับทำ บทความ SEO รวมถึงการตั้งชื่อรูปภาพ สำคัญอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ ที่ต้องมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับระบบ search engine optimization ที่ Google กำหนด หากเลือก keyword ไม่เหมาะสม ก็จะทำให้ไม่ตรงกับการสืบค้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งยังไม่สามารถสร้างความดึงดูดใจให้เกิดการคลิกเข้ามาซื้อสินค้าและบริการได้

keyword SEO หาได้ง่ายๆ

การเลือก keyword SEO อย่างง่าย เริ่มจากการพิมพ์ในช่อง Google Search ด้วยคำสั้น ๆ ที่เป็นหมวดหมู่ใหญ่ของสินค้าและบริการของคุณ เช่น คุณขายอาหารเสริม ในเว็บไซต์ออนไลน์ สามารถพิมพ์คำว่า อาหารเสริม ลงไป จะมีคำอัตโนมัติขึ้นมาหลายคำ เช่น อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงสมอง อาหารเสริมบำรุงสายตา อาหารเสริมผิวขาว ฯลฯ ซึ่งเป็นคำที่ตรงกับการสืบค้นจริงของกลุ่มลูกค้า ที่คุณสามารถนำมาเขียนในบทความ SEO ได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกตัวช่วยง่าย ๆ นั่นคือ หัวข้อ Search related to ที่จะปรากฏเมื่อคุณทำการคลิกที่ keyword หนึ่ง ๆ ใน Google search เช่น คลิกคำว่า อาหารเสริมลดน้ำหนัก ระบบของ Google ก็จะแสดงผลการสืบค้นเป็นเว็บไซต์จำนวน 10 ถึง 20 เว็บไซต์ แล้วก็ตามด้วยตัวอย่างคำที่อยู่ด้านล่าง ใต้หัวข้อว่า หัวข้อ Search related to เช่น คำว่าอาหารเสริมลดน้ำหนัก ยี่ห้อไหนดี Pantip รีวิวอาหารเสริมลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วนที่ปลอดภัย ฯลฯ

คำที่แสดงอย่างอัตโนมัติเหล่านี้ ก็เป็นตัวอย่างของ Long-Tail keyword ที่มีความยาวและจำเพาะเจาะจงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่กูรูด้านตลาดแนะนำว่า ควรจะใช้มากขึ้นในยุค 2019 เพราะจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการขายสินค้าและบริการได้สูงขึ้น โดยหากคุณจำหน่ายสินค้าที่เป็นแบรนด์เนม เช่น กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา คอมพิวเตอร์ มือถือ ของใช้ไอที ฯลฯ ก็ควรระบุยี่ห้อและรุ่นของสินค้าใน keyword ด้วย

นอกจากวิธีที่กล่าวมาแล้ว คุณยังสามารถเรียนรู้แบบลัดสั้นได้ จากการสืบค้นดูว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อพิมพ์ด้วยคีย์เวิร์ดหนึ่ง ๆ มีเทคนิคการตั้งชื่ออย่างไร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด SEO แนะนำเว็บไซต์ที่ผู้เป็นมือใหม่ในการทำ SEO สามารถใช้งานได้ง่าย

นั่นคือ Ubersuggest ที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเว็บไซต์ชั้นนำที่เป็นคู่แข่งของคุณใช้ keyword ใด มากน้อยเท่าไร ซึ่งจะแสดงผลเป็นตัวเลขแสดงค่า traffic หรือจำนวนผู้เข้าไปชมในเว็บไซต์เหล่านั้น คุณจะเห็นได้ง่าย ๆ ว่า keyword ใดมีการแข่งขันกันสูง หรือมีความนิยมสูงจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่ากัน ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ

หวังว่า เทคนิคการเลือก keyword แบบง่าย ๆ ที่นำเสนอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจการทำเว็บไซต์ออนไลน์ในเบื้องต้น ระหว่างการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงด้วยตัวเองหรืออาจจ้างบริษัททำ SEO ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำเว็บไซต์ออนไลน์อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

keyword SEO หาได้ง่ายๆ

Plugin SEO ใน wordpress มีอะไรบ้าง คนทำเว็บไซต์ควรรู้

Plugin SEO ใน wordpress มีอะไรบ้าง คนทำเว็บไซต์ควรรู้

การทำ เว็บไซต์ SEO ให้ประสบความสำเร็จได้ จะต้องมีการพัฒนาส่วนประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบทความเนื้อหา การสร้างลิงก์ที่จะช่วยให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ search engine อย่างเช่น Google กำหนด จึงจะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์สูงขึ้น มีโอกาสปรากฏในหน้าต่างการสืบค้นเป็นลำดับบน ๆ ทำให้มียอดผู้ชมและรายได้ที่ดีตามมา

เราจะได้รวบรวมปลั๊กอิน SEO ที่น่าสนใจใน wordpress มาฝากกัน เพื่อให้คนทำเว็บไซต์ได้เลือกไปใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม ดังนี้

1. All In One SEO

เป็น plugin ที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน และเป็นรุ่นแรก ๆ ที่คนทำเว็บไซต์รู้จัก ปัจจุบันอัปเดตถึงเวอร์ชั่น 3.2.3 ซึ่งมีการเก็บสถิติพบว่าได้มีคนติดตั้งใช้งานกับเว็บไซต์แล้วมากกว่า 2 ล้านแห่ง

ซึ่ง All In One SEO เป็นปลั๊กอินที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเปิดเว็บไซต์ใหม่ ๆ ช่วยในการเพิ่มส่วนของความจำ หรือ Memory Limit ได้ ช่วยประมวลผลของเว็บไซต์และสรุปสถานะต่าง ๆ ของระบบ ที่สำคัญคือ ป้องกันระบบบอทจากภายนอก ที่อาจเป็นอันตรายหรือรบกวนการทำงานของระบบในเว็บไซต์ทางธุรกิจได้ แต่ทั้งนี้ก็มีข้อด้อย ที่ไม่มีการพัฒนาในส่วนของการตรวจสอบคุณภาพของบทความ SEO

2. Yoast SEO

เป็นปลั๊กอินที่คนไทยรู้จักกันดี เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการใช้งานในเว็บไซต์ต่าง ๆ ทางธุรกิจมากกว่า 5 ล้านแห่ง มีข้อดีที่สำคัญ คือ สามารถวิเคราะห์คุณภาพของบทความ SEO ได้อย่างเข้าใจง่าย มีการแสดงผลการวิเคราะห์เป็นไฟสีเขียวและแดง ที่หมายถึง ผ่านและไม่ผ่าน พร้อมคำอธิบายและผลการวิเคราะห์เพื่อการแก้ไขได้ในทันที อีกทั้งยังช่วยในการตั้งชื่อหรือ Title ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำ hyperlink เชื่อมโยงสู่เว็บไซต์อื่นได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญ คือ ผลการวิเคราะห์บทความที่เป็นภาษาไทยยังมีข้อผิดพลาดอยู่

3. Rank Match

เป็นปลั๊กอินที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปี 2019 ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดใช้งานอยู่มากอยู่ราวหนึ่งแสนเว็บไซต์ มีข้อดีตรงที่ใช้วิเคราะห์บทความที่เป็นภาษาไทยได้แม่นยำมากกว่า Yoast SEO และให้ผลวิเคราะห์เป็นค่าตัวเลข จึงใช้เปรียบเทียบพัฒนาการของการทำ SEO ได้ดีกว่า นอกจากนี้ Rank Match ยังมีฟีเจอร์รองรับการใช้งานธุรกิจยุคใหม่ อย่าง Local SEO และ WooCommerce อย่างไรก็ตาม Rank Match ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันบอทต่ำ รวมถึงไม่สามารถตรวจสอบสมรรถนะได้อย่างระบบ All In One SEO

จะเห็นได้ว่า การเลือกใช้ plugin SEO ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ออนไลน์ ต้องมีการวิเคราะห์องค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน ว่าตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่ คู่กับการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในด้านอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับ SEO ในทางที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

รวบรวมปลั๊กอิน SEO ที่น่าสนใจใน wordpress

Google search console สำคัญอย่างไรต่อการทำเว็บไซต์ SEO

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันจะประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านยอดขายและการขยายฐานลูกค้า ต้องอาศัยการทำเป็นระบบ SEO หรือ search engine optimization ซึ่ง Google search console เป็นเครื่องมือที่ Google ให้บริการฟรีสำหรับคนทำเว็บไซต์ เพื่อสามารถเช็คคุณสมบัติต่าง ๆ จากผลการวิเคราะห์โดยระบบ algorithm ทำให้มีทิศทางในการพัฒนาเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น

Google search console ในอดีตเรียกว่า Google webmaster tools เป็น เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพียงเข้าเว็บไซต์ Google search console แล้วใส่โดเมนและ URL ของเว็บไซต์คุณ (เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเว็บไซต์ออนไลน์) หลังจากนั้นทำการติดตั้ง ด้วย html หรือ ปลั๊กอิน yoast SEO ก็จะสามารถใช้งานได้

โดยตัวเลขและกราฟต่าง ๆ ที่แสดงใน Google search console มีประโยชน์ในการนำไปพัฒนาเว็บไซต์ในหลากหลายด้าน ได้แก่

Performance เป็นกราฟพร้อมตัวเลขอย่างละเอียด ที่แสดงผลย้อนหลังนานถึง 16 เดือน ให้แก่เจ้าของเว็บไซต์ เพื่อให้เห็นว่ามีการพัฒนามาอย่างถูกทางหรือไม่ ซึ่งจะแสดงผลทั้ง จำนวนการคลิกต่อการปรากฏผลในหน้าต่างการสืบค้น (CTR หรือ click through rate) ภูมิภาคหรือประเทศของผู้ที่สนใจคลิกเข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ เป็นต้น

URL inspection เป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการตรวจสอบโดย Google ครั้งล่าสุดเมื่อใด ยิ่งมีการปรับปรุงเว็บไซต์บ่อย ๆ ตามหลัก SEO ก็จะยิ่งมีโอกาสถูกจัดอันดับ SEO ให้สูงยิ่งขึ้น (มักทำให้มียอดขายที่ดีตามมาด้วย) ทั้งนี้ยังมีส่วนแสดงหมายเหตุ ที่บอกด้วยว่ามีประเด็นใดที่ Google แนะนำว่าควรปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาต่อยอดได้อย่างตรงจุดด้วย

Mobile usabilities เป็นตัวเลขจากการวิเคราะห์ว่า เว็บไซต์ของคุณนั้นถูกใช้งานผ่านระบบโทรศัพท์มือถือมากน้อยเพียงใด เหมาะสมกับการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมการหาข้อมูลและซื้อสินค้าออนไลน์มากหรือน้อย ถ้าค่า mobile usability สูงก็จะสัมพันธ์กับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นเว็บไซต์เล่นเกมส์ หรือ เว็บคาสิโนทั่วไปอย่าง Hero88 ก็จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงสมาร์ทโฟน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเล่นผ่านมือถือกันเป็นจำนวนมาก หรือไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์อื่นๆก็เช่นกัน ถ้าหากเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้ง่ายก็จะสะดวกต่อผู้ใช้ ซึ่งตอบโจทย์และจะนำไปสู่ความสำเร็จอันสูงสุดเลยทีเดียว

Security Issues เป็นค่าตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่ามีไวรัสหรือ malware ที่เป็นอันตรายหลบซ่อนอยู่ในเว็บไซต์คุณหรือไม่ รวมถึงปัญหาทางเทคนิคของระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่อาจจะกระทบต่อการส่งผ่านข้อมูลหรือระบบรักษาความปลอดภัยในเว็บไซต์ (เทียบได้กับการทำหน้าที่เป็นระบบ antivirus ของเว็บไซต์เลยทีเดียว)ประโยชน์ในการนำไปพัฒนาเว็บไซต์

จะเห็นได้ว่า Google search console เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง สามารถใช้เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์ในระบบ SEO อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มยอดผู้เข้าชมข้อมูล การสั่งซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางธุรกิจที่ทุกคนต้องการ

เราหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ทุกท่าน ใส่ใจการเรียนรู้เทคนิค SEO ควบคู่กับ Google search console เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีทิศทาง และทำให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น

มือใหม่ขายของออนไลน์รู้จัก SEO ดีหรือยัง

มือใหม่ขายของออนไลน์รู้จัก SEO ดีหรือยัง

การขายสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางที่สะดวกและง่ายในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายจำนวนมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากทุกคนมีการพกพาโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นักธุรกิจมือใหม่ในวงการสินค้าออนไลน์ที่ต้องการประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน ควรจะรู้จักเทคนิคการตลาด SEO เพื่อใช้พัฒนาเว็บไซต์ให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ดีขึ้น

SEO พื้นฐานของการสร้างแบรนด์

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization นับว่าเป็นพื้นฐานในการสร้างรากฐานของแบรนด์ยุคใหม่ให้ยั่งยืน เนื่องจาก Search Engine อย่าง Yahoo, Bing และ Google มีการตั้งหลักเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพของเว็บไซต์ ซึ่งจะถูกประมวลวิเคราะห์ด้วยระบบ Algorithm ของ AI อัจฉริยะ ว่ามีคุณภาพเพียงพอที่จะนำเสนอสู่สายตาผู้ใช้ผู้ใช้บริการ Search Engine เหล่านั้นหรือไม่

หากเว็บไซต์ใด มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับที่ Yahoo, Google และ Bing กำหนด ก็จะมีอันดับ SEO ที่สูง ทำให้ถูกแสดงในลำดับต้น ๆ ของหน้าแรกผลการค้นหา ซึ่งมีการวิจัยว่าสัมพันธ์กับยอดการสั่งซื้อ และการกลับมาซื้อซ้ำอีก ซึ่งย่อมส่งผลให้ธุรกิจออนไลน์ของแบรนด์ที่อยู่ลำดับต้น ๆ เติบโตอย่างรวดเร็ว

การทำ SEO ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ keyword SEO เพื่อนำมาเขียนบทความหรือผลิตสื่อมัลติมีเดียที่ส่งเสริมการขาย การใช้ Keyword ที่สั้นเกินไปหรือ Mass Keyword จะไม่สามารถสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีเท่ากับ Niche Keyword

ตัวอย่างเช่น หากใช้ Keyword ว่า “รองเท้ากีฬา” (Mass Keyword) แทนที่จะใช้คำว่า “รองเท้าวิ่ง ผู้หญิง ยี่ห้อ ไนกี้ รุ่น” (Niche Keyword) จะทำให้พลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงรักสุขภาพได้ เปอร์เซ็นต์ที่จะขายได้ก็จะน้อยลง

กูรูการตลาดแนะนำให้ผู้เริ่มทำเว็บไซต์ออนไลน์ที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านโฆษณา ศึกษาการทำ SEO ด้วยตัวเอง เพราะทำให้ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่โฆษณาใด ๆ ให้แก่ Search Engine เพียงรักษามาตรฐานของคุณภาพบทความ SEO และมีความสม่ำเสมอในการอัปเดตข้อมูล ก็จะทำให้มีอันดับ SEO ที่สูงขึ้น มีศักยภาพในการแข่งขันเท่ากับร้านค้าออนไลน์ที่เปิดมาก่อนได้

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการทำ SEO คือ ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูลลงในระบบคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะธุรกิจที่มีอัตราการแข่งขันกันสูง เช่น ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มักจะต้องใช้เวลาเห็นผล 6 เดือนถึง 1 ปี

ดังนั้น หากต้องการเพิ่มยอดการขายแบบเร่งด่วน เช่น จัดโปรโมชั่น นำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ กระตุ้นยอดขายในช่วงเทศกาล เช่น วันปีใหม่ วันคริสต์มาส ฯลฯ ก็ต้องเรียนรู้วิธีประชาสัมพันธ์แบบอื่นด้วย เช่น วิธี SEM (Search Engine Marketing) ที่ต้องซื้อพื้นที่โฆษณาบน Search Engine

การทำ SEO จึงเป็นเทคนิคที่ที่มือใหม่ขายของออนไลน์ควรเร่งศึกษาและนำไปปรับใช้ จะช่วยยกระดับคุณภาพของเว็บไซต์ให้ถูกวิเคราะห์ด้วย AI ได้ผลอันดับที่ดีขึ้นในระยะยาว ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ร่วมกับขยายฐานลูกค้าไปพร้อมกัน

SEO พื้นฐานของการสร้างแบรนด์

ทำ SEO ให้เว็บไซต์ในยุคปัจจุบัน

การทำเว็บไซต์ SEO ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างไร

การทำเว็บไซต์ ขายสินค้าออนไลน์ โดยทั่วไปต้องมีการลงทุนในส่วนของการผลิตและโปรโมทสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งหากคุณต้องการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ โดยควบคุมให้ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาน้อยที่สุด เราแนะนำให้ทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เพราะเป็นเทคนิคที่เพิ่มทั้งในส่วนของยอดขายและการสร้างฐานลูกค้าได้ในเวลาเดียวกัน โดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณาให้แก่ Search Engine อย่าง Yahoo, Bing และ Google แม้แต่บาทเดียว

ทั้งนี้ นักธุรกิจหลายท่าน อาจคุ้นเคยกับการประมูลพื้นที่โฆษณา ที่เรียกว่า SEM หรือ Search Engine Marketing รวมถึงการโปรโมทผ่านช่องทาง Facebook หรือ Instagram ซึ่งต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายตามวงเงินที่กำหนดให้แก่แพลตฟอร์มนั้น ๆ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแนะนำว่า หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายทางการโปรโมทให้ได้มากที่สุด จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำ SEO ให้เว็บไซต์ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งการทำ SEO ที่สมบูรณ์ จะครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้

การทำโครงสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามดึงดูดลูกค้าและมีเอกลักษณ์ของสี ตัวอักษร โลโก้ ฯลฯ

เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย มีความเป็นมิตรกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งการใช้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและระบบโทรศัพท์มือถือที่พกพาได้ทุกที่

การผลิตบทความ SEO ต้องน่าสนใจ ให้สาระที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน

ใช้ Keyword SEO ที่ผ่านการวิจัยแล้วว่าสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทางธุรกิจ เช่น คุณเป็นบริษัทนำเข้ารองเท้ากีฬาสตรี ก็ควรใช้ Keyword “รองเท้ากีฬาสตรี ยี่ห้อ รุ่น” จึงจะตรงกับการค้นหาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ต้องการสินค้าแบรนด์และรุ่นนั้น

การเชื่อมโยงลิงค์ภายนอกเข้าสู่เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณ เช่น คุณขายสินค้าจำพวกรองเท้าวิ่ง ก็ควรไปอยู่ในกลุ่ม Facebook ผู้รักสุขภาพ หรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพื่อแนะนำเทคนิคการปฏิบัติตัวสำหรับลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง และการเลือกรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพ ฯลฯ

หากมีผู้ที่สนใจการเลือกรองเท้าวิ่ง คุณก็สามารถที่จะแนะนำและให้ลิงค์ของเว็บไซต์คุณ เพื่อให้เกิดการคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ ดูแคตาล็อกสินค้า รวมถึงสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์คุณได้

เทคนิคนี้เป็นที่นิยมมากทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะแสดงถึงความจริงใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไม่เป็น Hard Sale ซึ่งทำให้ลูกค้าจำนวนมากกังวลว่าอาจจะถูกยัดเยียดขายสินค้าในสรรพคุณที่เกินจริง

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ สามารถทำการศึกษาได้ด้วยตัวเองผ่านหนังสือ คลิปสอนต่าง ๆ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาบ้าง (ระยะเวลา 3 เดือนถึง 1 ปี) ในการทำให้มีข้อมูลในระบบให้ AI อัจฉริยะของ Search Engine วิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์

แต่การันตีได้ว่า การทำ SEO อย่างรอบด้านที่กล่าวมาอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเห็นผลทั้งยอดขายและมีลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาให้ผู้ใด

การทำเว็บไซต์ SEO ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างไร

ข้อดีของการเป็นเว็บไซต์ผู้ประกอบการรายย่อย ที่ทำ SEO แล้วรุ่ง

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการตลาดที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน ทั้งเว็บไซต์ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างล้วนได้ประโยชน์ทั้งด้านยอดขายและจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากที่ทำเว็บไซต์ขนาดเล็ก อาจมีความกังวลว่าจะสามารถแข่งขันกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ได้อย่างไร

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมข้อดีที่เว็บไซต์รายย่อยมี หากทำ SEO แล้วจะรุ่ง เพื่อเสริมความมั่นใจให้นักธุรกิจหน้าใหม่หรือรายเล็กหันมาพัฒนา SEO ให้กับเว็บไซต์มากขึ้น

1. เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก มีการมีความยืดหยุ่นในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมากกว่าเว็บไซต์ขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องผ่านการคิดวิเคราะห์ รอการอนุมัติอีกหลายขั้นตอน เว็บไซต์ขนาดเล็กที่พร้อมปรับปรุงเว็บไซต์ตามหลัก SEO ตลอดเวลา จึงมีผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงของอันดับ SEO ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

2. การใช้ Keyword ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น สำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็ก สามารถปรับเปลี่ยน Keyword จากทั่วไปที่เป็นคำสั้น ๆ มาเป็นวลีที่มีความยาว ซึ่งจะตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะแตกต่างจากแนวคิดของบริษัทเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่เน้นขายสินค้าเพื่อคนส่วนใหญ่ จึงมักใช้ Keyword กว้าง การใช้ Keyword ที่เหมาะสมและตรงกับการสืบค้นของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง จึงทำให้มีเปอร์เซ็นต์การขายได้สูงขึ้นอย่างชัดเจน

3. ผลิตบทความคุณภาพได้หลากหลายแนว มีความทันสมัยและดึงดูดใจได้มากกว่า เพราะสามารถที่จะเขียนด้วยตัวเองหรือเลือก Freelance ที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเลือกทีมผลิตสื่อภาพ เสียงและคลิปวีดีโอประกอบในเว็บไซต์ ที่นักธุรกิจรายเล็กสามารถที่จะเลือกทีมงานได้ง่าย ๆ โดยดูจากผลงานที่ตรงใจ โดยไม่ต้องรอการอนุมัติหรือประชุมอีกหลายขั้นตอน

4. การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ ผ่านการพูดคุยในห้องพันทิปหรือ Facebook สามารถทำได้ด้วยตัวนักธุรกิจผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์เอง สร้างภาพลักษณ์ที่จริงใจและเป็นกันเอง จึงมีโอกาสได้รับการสนับสนุนมากกว่าการประชาสัมพันธ์แบบเป็นกิจจะลักษณะทางสื่อโฆษณาที่เน้นการเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่

5. การเลือกหรือปรับเปลี่ยน Web Hosting ที่เหมาะสม ผู้ทำเว็บไซต์รายย่อยสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดปัญหาเว็บไซต์ล่ม หรือใช้เวลาดาวน์โหลดข้อมูลนานจนเสียลูกค้าให้ผู้ประกอบการรายอื่น ต่างจากเว็บไซต์บริษัทใหญ่ที่ต้องรอการแก้ไขและพิจารณาหลายขั้นตอนกว่าจะได้ข้อสรุป

จากข้อดีของเว็บไซต์ขนาดเล็กที่กล่าวมา นับว่าเป็นจุดเด่นที่หากนำไปประยุกต์ใช้และมีการทำ SEO อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้นักธุรกิจรายย่อยทุกกลุ่มสินค้ามีอำนาจในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดีขึ้น ขอเพียงมีความสม่ำเสมอในการพัฒนาเว็บไซต์และหมั่นอัปเดตสาระใหม่ ๆ เป็นประจำ ก็จะทำให้มียอดขายและจำนวนลูกค้าใกล้เคียงกับเว็บไซต์ธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างแน่นอน

ข้อดีของการเป็นเว็บไซต์ผู้ประกอบการรายย่อย ที่ทำ SEO แล้วรุ่ง

อุปสรรคสำคัญในการทำ SEO

อุปสรรคสำคัญในการทำ SEO

สิ่งที่มักจะเป็นปัญหาในการทำ SEO นั้น มักจะเป็นการที่ข้อมูลสร้างขึ้นเข้าไม่ถึงกลุ่มคนที่ต้องการเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้มาตรฐานที่ Google กำหนด ทำให้ไม่ติดหน้าแรกเพราะขาดองค์ประกอบหลายอย่างที่จะทำให้บทความนั้นสมบูรณ์ ดังนั้นก่อนที่จะทำระบบ SEO จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนเริ่มจากกลุ่มลูกค้า ต่อมาคือ ระบบการทำงานของ SEO ซึ่งอุปสรรคปัญหาที่มักจะพบบ่อยมีดังต่อไปนี้

ข้อมูลที่เขียนเป็นข้อมูลซ้ำ

ข้อมูลซ้ำเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าหลายครั้งด้วยกันที่โลกนี้ไม่ได้มีเรื่องราวใหม่เกิดขึ้นมากนัก เราเพียงนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้เข้ากับผู้คนสถานการณ์ตามความต้องการและการใช้งาน สิ่งที่คนเราทำได้นั้นคือการใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปเพื่อให้เกิดความแตกต่างเฉพาะตัว

ขาดชื่อเรื่องและคำอธิบาย (Title tag and Description)

การที่ทำข้อมูลขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) จากนั้น AI จะทำการประมวลผลและ AI จะเข้าใจได้เมื่อมีคำอธิบายขยายความ ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสื่อสารแบบคอนเทนต์คือ การมีหัวข้อที่ดีตามด้วยคำอธิบายสิ่งที่ต้องการสื่อสารเพื่อให้เป็นคอนเทนต์ที่สมบูรณ์และ รองรับฐานข้อมูลที่ Google ต้องการ

ลิงก์เสีย (Broken URLs)

หากเว็บไซต์ใดที่ขาดการอัพเดทข้อมูลเป็นเวลานาน เว็บไซต์นั้นอาจมีผลกระทบต่อการค้นหาของ Google ดังนั้นจะต้องทำการอัพเดทและพัฒนาข้อมูลอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดข้องในการค้นหาข้อมูลซึ่งลิงก์เสียนั้นจะทำให้การค้นหาหายไปไม่สามารถค้นหาได้เกิดจากการที่เว็บไซต์มีปัญหา

ไม่ติดหน้าแรกในการค้นหา

การที่ไม่ติดหน้าแรกในการค้นหา ก็จะทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่ต้องการสื่อสารได้ ผู้พัฒนาจะต้องทำการศึกษาระบบการทำ SEO การทำการตลาดการปรับแต่งเว็บไซต์การทำให้ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่ได้มาตรฐานเป็นประโยชน์มากขึ้น โดยจะต้องอาศัยการทำคีย์เวิร์ดเข้ามาช่วยให้การค้นหานั้นง่ายขึ้น

เกิดจาก Flash ที่ใช้ในการทำเว็บ

ปัจจุบัน การใช้ Flash ในการทำเว็บนั้นไม่เหมาะในการทำ SEO แล้วเนื่องจากในการ Search Engine ไม่สามารถที่จะทำการบันทึกข้อมูล แม้ว่าการใช้ Flash จะมีการพัฒนามากมายก็ตาม แต่ก็ยังมีเทคนิคอื่นที่สามารถใช้แทนได้และหากเว็บไซต์นั้นเป็นเว็บไซต์ที่น่าสนใจมากพอก็จะง่ายในการทำ SEO ดังนั้นสิ่งสำคัญคือความคิดสร้างสรรค์และการสร้างความแตกต่างนั่นเอง

ระบบการทำงานของ SEO

จากการทำ SEO มีองค์ประกอบมากมายด้วยกัน ผู้พัฒนาจะต้องรู้สิ่งที่เป็นอุปสรรคเพื่อรับมือและปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์การใช้งานที่เปลี่ยนไปของระบบการทำ SEO ทั้งนี้การป้อนข้อมูลระบบที่เชื่อมต่อกับ Google เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการสร้างคอนเทนต์คือ การสร้างข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ชมเว็บไซต์ มีหัวข้อพร้อมคำอธิบายที่ตรงประเด็น