การทำ SEO จำเป็นไหมสำหรับธุรกิจออนไลน์

การทำ SEO จำเป็นไหมสำหรับธุรกิจออนไลน์

การทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการประชาสัมพันธ์แบบไม่ต้องเสียเงินให้แก่ Search Engine อย่าง Google Yahoo ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมใช้ในการค้นหาสินค้าและบริการทั่วโลกจึงเป็นวิธีที่ได้ผลดีต่อธุรกิจ ที่ผู้เชี่ยวชาญในด้านการตลาดแนะนำให้ทำ

การพัฒนาเว็บไซต์ SEO

ทุกเว็บไซต์ควรทำ SEO เพื่อให้คุณภาพตรงตามข้อกำหนดของ Search Engine ในส่วนต่าง ๆ ได้แก่

– การเขียนบทความ ต้องมี Keywords ที่ตรงกับการสืบค้นของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย มีสาระประโยชน์และมีความยาวเหมาะสม

– การอัปเดตเนื้อหาเว็บไซต์เป็นประจำสม่ำเสมอ โดยมีเนื้อหาที่ทันสมัยและมีข้อมูลที่ถูกต้อง

– บทความไม่มีการใช้ Keywords ซ้ำบ่อยจนอ่านไม่รู้เรื่อง หรือเรียกว่า Keyword Stuffing

– มีการทำลิงก์เชื่อมโยงเว็บไซต์จากภายนอก หรือ Backlink เช่น การไปตอบคำถามในห้องแชทต่าง ๆ แล้วมีการแปะลิงก์ไว้เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์หลักทางธุรกิจของคุณ

การพัฒนาเว็บไซต์ด้านต่าง ๆ ที่กล่าวมา จะทำให้ระบบ Algorithm ของ Search Engine สามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้ง่าย ซึ่งทำให้ผลการจัดอันดับในการสืบค้นนั้นดีขึ้น มีผลดีต่อยอดขายสินค้าและบริการในระยะยาวด้วย

ประโยชน์ที่จะได้จาก SEO

เมื่อทำเว็บไซต์ SEO จะได้ประโยชน์ ดังนี้

1. จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและบริการจากเว็บไซต์มากขึ้น เพราะได้รับความน่าเชื่อถือในความทันสมัยและภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัท

2. ลูกค้าจะนิยมเข้ามาอ่านบทความในเว็บไซต์ และนำไปบอกต่อ เป็นการเพิ่มโอกาสในการขายให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ให้ดูสวยงามและใช้งานง่าย จะทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีความประทับใจและกลับมาใช้บริการซ้ำอีก

3. การที่ลูกค้าได้ประโยชน์จากการ เข้ามาชมหรืออ่านข้อมูลในเว็บไซต์ จะทำให้เพิ่ม Traffic จากการวิเคราะห์ด้วย Algorithm แล้วทำให้อันดับยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงช่วยเป็นการประหยัดค่าประชาสัมพันธ์หรือลดการจ่ายค่าจ้างทำโฆษณาวิธีอื่น ๆ ได้

4. การที่ทำ SEO จนอันดับสืบค้นดีขึ้น จะเป็นการเพิ่มความโอกาสในการได้รับออเดอร์สั่งซื้อสินค้าและบริการได้จากทั่วประเทศและจากต่างประเทศมากขึ้น

5. เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงระหว่างกันตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะมีโอกาสเห็นเว็บไซต์ SEO ในอันดับบน ๆ สั่งซื้อได้อย่างสะดวก แม้เจ้าของธุรกิจจะไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ

จากข้อดีที่กล่าวมา จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด จึงแนะนำว่าการทำ SEO เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ในยุคปัจจุบัน โดยการปรับปรุงทั้งเนื้อหา โครงสร้างและลิงก์ที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองหรือจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ก็จะทำให้ใช้เวลาทำ SEO ที่น้อยลงได้

การทำ SEO จำเป็น สำหรับธุรกิจออนไลน์

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร เรียกลูกค้า

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร เรียกลูกค้าดี

การทำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพเพื่อเรียกกลุ่มคนเป้าหมายให้เข้ามาชมข้อมูลและเลือกซื้อสินค้าและบริการจากเว็บไซต์ของคุณได้นั้น ในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องศึกษาการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในแต่ละวันที่มีมหาศาล แต่จะทำอย่างไร จึงจะได้เว็บไซต์ SEO ที่เรียกลูกค้าได้ดี เรามาดูเทคนิคกัน

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร เรียกลูกค้าดี

เว็บไซต์ SEO คือ อะไร

การปรับเว็บไซต์ธรรมดาของคุณให้เป็นเว็บไซต์ SEO คือ การเพิ่มเติมคีย์เวิร์ด SEO ในส่วนต่าง ๆ มีการปรับโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์ มีการเพิ่มลิ้งค์จากภายนอกที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการขายของสินค้าคุณได้จริง จึงจะทำให้เว็บไซต์ SEO ถูกสืบค้นได้เป็นอันดับต้น ๆ ในหน้าแรกของ search engine ที่แน่นอนว่าจะมีผู้คลิกเข้ามาอ่านเนื้อหา และเลือกซื้อสินค้าและบริการของแบรนด์คุณมากขึ้นด้วย

จะทำอย่างไร ให้เว็บไซต์ SEO เรียกลูกค้าดี

การจะเรียกลูกค้าหรือทำให้จูงใจผู้อ่านให้เข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณ จำเป็นต้องมีการปรับส่วนประกอบในเว็บไซต์ ดังนี้

1. มี keyword SEO ในส่วนหัวเรื่องที่คุณนำเสนอ เช่น คีย์เวิร์ดว่า เกมส์ ก็ต้องมีคำว่าเกมส์ในหัวข้อ เช่น เกมส์อีสปอร์ตในปี 2019 มีอะไรใหม่ เป็นต้น

2. มีการใส่คีย์เวิร์ด SEO ทั้งในส่วนย่อหน้าแรก หรือที่เรียกว่า description ส่วนเนื้อหาหลัก และส่วนปิดท้าย หรือบทสรุปของเรื่อง ควรกระจายทั่วไป และไม่ควรซ้ำมากจนระบบ algorithm ของ search engine ตีความหมายว่าเป็น spam หรือบทความขยะที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลดอันดับลงไปด้วย

3. ส่วนนี้สำคัญมากที่สุด คือ เนื้อหาหลักที่ต้องตรงกับโจทย์ หรือหัวข้อที่คุณนำเสนอไปตอนต้น ไม่ควรหลุดประเด็นจากโครงเรื่องที่วางไว้ หรือมีส่วนของโฆษณาส่งเสริมการขายที่มากเกินไป จนทำให้ผู้อ่านรู้สึกเสียเวลา บทความขาดความน่าเชื่อถือ และอาจทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณอีกก็เป็นได้

4. การตั้งชื่อของ URL address ก็เป็นส่วนที่ต้องให้ความใส่ใจ เนื่องจากหลายท่านตั้งชื่อโดยใช้คีย์เวิร์ดที่เป็นภาษาไทยในส่วนนี้ การผิดเพี้ยนของสระ ตัวอักษร วรรณยุกต์ แม้เพียงตัวเดียว ก็ทำให้หน้าของบทความนั้น ๆ ไม่สามารถถูกเปิดได้ ทำให้การลงทุนด้านงานเขียนสูญเปล่า คุณจึงควรใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงกับ keyword ที่ชัดเจนที่สุดในการตั้งชื่อ url address เช่น คีย์เวิร์ดว่าดอกไม้ ก็ควรใช้ว่า flower รองเท้า ก็ควรใช้ว่า shoe เป็นต้น

ทำเว็บไซต์ SEO เรียกลูกค้าดี

การทำเว็บไซต์ SEO ให้เรียกลูกค้าเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องมีความสม่ำเสมอในการผลิต content และมีทีมงานที่ดูแลโครงสร้างของเว็บไซต์ให้มีคุณสมบัติตรงตามที่ search engine กำหนดเสมอ

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับท็อป

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับท็อป

การทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จทางด้านชื่อเสียงและยอดขาย จำเป็นต้องมีการเว็บไซต์ให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของระบบสืบค้นหรือ search engine ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือสร้างสรรค์งานบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากที่สุด

ในส่วนของเว็บไซต์ SEO นี้ การทำให้สามารถติดอันดับท็อปบนเครือข่ายระบบสืบค้นอย่าง yahoo หรือ google ได้จะสัมพันธ์กับยอดขายอย่างมากใน 5 อันดับแรก โดยเฉพาะในอันดับที่ 1 ที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่าอันดับ 2 ถึงเกือบเท่าตัว

ทำเว็บไซต์ SEO ให้ติดอันดับท็อป

การจะทำให้เว็บไซต์ SEO ถูกจัดเป็นหนึ่งในลำดับต้น ๆ นั้น ต้องมีองค์ประกอบ ต่อไปนี้

1. ต้องหมั่น update เนื้อหา รูปภาพประกอบ คลิปวิดีโอ ที่น่าสนใจ เสริมสร้างการขาย หรือให้คุณค่าแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าการใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในบทความ SEO หรือใช้ในการตั้งชื่อภาพจำเป็นต้องผ่านการวิจัยด้วยโปรแกรมที่มีความทันสมัยอยู่เสมอด้วย

2. การไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ เช่น การฝึกใช้ระบบ CMS หรือ content management system เพื่อเอื้ออำนวยต่อการบริหารจัดการเนื้อหาในเว็บไซต์รุ่นใหม่ อย่าง เช่น word press เป็นการเพิ่มความสะดวกและฉับไวในการทำธุรกิจออนไลน์ ลดการใช้ทรัพยากรบุคคล และลดภาระค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยในการดูแล website ได้ด้วย

3. การให้เครดิตแก่เว็บไซต์อื่นที่มีการแชร์เนื้อหา ภาพ คลิป หรือการเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ให้ความน่าเชื่อถือเสริมสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า หรือการทำ backlink ที่มีคุณภาพ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มอันดับในการสืบค้นและสร้างพันธมิตรที่ดีในวงการธุรกิจออนไลน์ด้วย

4. การนำบทความไปแชร์ต่อในโซเชียล เช่น facebook และการซื้อพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์เหล่านี้ จะช่วยในการโปรโมตธุรกิจให้มีคนรู้จักมากขึ้น เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่าเป็นการเพิ่ม traffic ส่งผลต่ออันดับการสืบค้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายผ่านหลากหลายช่องทางมากขึ้นด้วย

5. การสร้างส่วนหัวข้อ (title) และส่วน description ให้น่าสนใจ โดยไม่ละทิ้งคีย์เวิร์ด SEO จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะคลิกเข้ามาอ่านส่วนเนื้อหาภายในเว็บไซต์ดีหรือไม่ การเลือกหัวข้อ title ที่ไม่ยาวเกินไป มีลักษณะเป็นการตั้งคำถาม หรือยกประเด็นที่กำลังอยู่ในกระแสสังคม เช่น ภาษีธุรกิจออนไลน์สนับสนุนหรือซ้ำเติมเศรษฐกิจรากหญ้า ? โครงการกู้ยืมสินเชื่อซื้อบ้าน ปี 2019 คิดดีหรือยังก่อนเป็นหนี้ ? ฯลฯ เหล่านี้จะสามารถดึงดูดใจผู้อ่านให้เข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์ได้มากกว่าการสร้างประโยคบอกเล่าแบบเดิม ๆ

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับ

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการใน ปี 2019 เป็นอีกปีหนึ่งที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพ และความรวดเร็วในการปรับตัวสูง เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าพอใจ การทำเว็บไซต์ SEO ต้องพิจารณาความเหมาะสมและเพิ่มเติมความเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดใจที่แปลกใหม่สู่ผู้อ่านกลุ่มเป้าหมาย จึงจะมีโอกาสทำให้เว็บไซต์ธุรกิจก้าวขึ้นสู่อันดับท็อปในการสืบค้นออนไลน์

3 นาที เรื่อง SEO-SEM อย่างง่าย

3 นาที เรื่อง SEO-SEM อย่างง่าย

SEO กับ SEM เป็นคำที่นักธุรกิจออนไลน์หลายคนยังสงสัยในความเหมือนและความแตกต่าง นี่จึงเป็นที่มาของบทความนี้ ซึ่งเราได้เปรียบเทียบข้อมูลสำคัญของ SEO และ SEM ไว้อย่างเข้าใจง่ายที่สุด

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการปรับโครงสร้างและรายละเอียดต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์หรือเพจให้ตอบโจทย์การค้นหาเป็นอันดับต้น ๆ จาก search engine ไม่ว่า กูเกิ้ล ยาฮู บิง ฯลฯ ที่ต่างมีระบบประมวลและการวิเคราะห์ดาต้าเชิงเทคนิค หรือ algorithm ที่เป็นของตัวเอง โดยมีความคาดหวังว่าจะทำให้เว็บไซต์ปรากฎแก่สายตาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้นและนำมาซึ่งยอดรายได้และกำไรที่สูงขึ้นตามกัน

3 นาที เรื่อง SEO

สิ่งที่ควรทราบในการทำ SEO คือ

1. เจ้าของเว็บไซต์สามารถเรียนรู้การทำ SEO ด้วยตัวเอง หรืออาจจ้างบริษัทที่มีทีมเชี่ยวชาญเชิงระบบทำ SEO ให้ก็ได้เช่นกัน

2. การทำ SEO ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร จึงจะเห็นผลการเคลื่อนไหวของอันดับในการสืบค้นและยอดขาย เพราะเป็นการอัพโหลดหรือเพิ่มดาต้าใหม่ ๆ ลงระบบวิเคราะห์ของ search engine

3. SEO เป็นการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยและใส่ใจผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยบทความที่มีคุณภาพและโครงสร้างเว็บไซต์ที่มีมาตรฐานสูงกว่าแบบเดิม

4. การทำ SEO จำเป็นต้องทำไปตลอด เพื่อรักษาอันดับในการสืบค้นไว้ให้ยาวนาน ไม่เช่นนั้น จะถูกธุรกิจของบริษัทอื่นชิงที่นั่งอันดับสูง ๆ ในการสืบค้นไปได้

ส่วน SEM หรือ Search Engine Marketing เป็นการทำการตลาดที่มุ่งเน้นปลายทาง คือ ทำยอดขายและการครองใจผู้บริโภคให้ได้รวดเร็วและยาวนาน ในปัจจุบันการทำ SEM แบ่งได้เป็นสองแบบ คือ

1. การทำการตลาดด้วยโฆษณาและมีอัตราการจ่ายเงินตอบแทนจากบริษัทที่จ้าง แบบ pay per click หรือ PPC ดังนั้น หากมีผลลัพธ์ที่ดีหรือมีความนิยมสูงในการคลิกอ่านหรือแชร์ลิ้งค์จากบทความในเว็บไซต์ที่ทำ SEM ก็จะเท่ากับเพิ่มโอกาสได้รายได้ และสัมพันธ์กับรายจ่ายของบริษัทในการจ้างทำ SEM ด้วยเช่นกัน

2. การทำ SEO ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นหนึ่งวิธีในการทำการตลาดออนไลน์ที่นิยมมากในปัจจุบัน

สิ่งที่ควรทราบในการทำ SEM คือ

1.  SEM เป็นสิ่งที่ให้ผลไวกว่า SEO เพราะใช้หลักทางการโฆษณาที่เน้นวัตถุประสงค์ที่ต้องการเห็นผลรวดเร็วและชัดเจนที่สุด

2. การทำ SEM สามารถเพิ่มส่วนคีย์เวิร์ดได้เรื่อย ๆ หรือเปลี่ยนบางคีย์เวิร์ดที่ไม่ตอบโจทย์การสืบค้นออกไปได้ด้วยเช่นกัน และสามารถวัดผลจากการเปลี่ยนคีย์เวิร์ดได้อย่างรวดเร็ว

3. SEM เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดเล็ก หรือมีเว็บเพจหน้าเดียวมากกว่า SEO

4. การวัดผลทำได้รวดเร็วและนำไปวิเคราะห์ต่อยอดวางแผนโฆษณาได้เร็วกว่า SEO

3 นาที เรื่อง SEO-SEM

หวังว่าข้อมูลที่ได้นำเสนอไป ทั้งส่วน SEO และ SEM จะทำให้ผู้ที่เพิ่งเข้าสู่วงการธุรกิจออนไลน์เห็นภาพการทำการตลาดในโลกอินเตอร์เน็ตที่ชัดเจนยิ่งขึ้นและนำไปสู่การเลือกวิธีการนำเสนอที่เหมาะสมกับธุรกิจต่อไป

การใส่คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับการทำ SEO

SEO เป็นแค่กลยุทธ์การขายจริงหรือ?

ตอนนี้ คำคีย์เวิร์ดที่ขึ้นมาพร้อมกับคำว่า “ขายของออนไลน์” ก็มักไม่พ้นคำว่า “SEO” ซึ่งทำให้หลายคนสงสัย ว่าทำไมคำว่า SEO จึงมีความหมายสำคัญนักกับการทำหน้าร้าน ONLINE ในวันนี้เราจะมาให้คำตอบกันด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๆ การทำร้านขายของ หากในชีวิตจริงเราต้องเลือกทำเลที่ตั้ง เอา Location ที่ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นตึกที่สวยที่สุด ห้องใหญ่ที่สุด หรือตกแต่งสวยงามอย่างที่สุด (หากมีคุณลักษณะดังที่ว่ามาก็เป็นเรื่องดี นับว่าโชคดีมาก) แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ การอยู่ในจุดที่ลูกค้ามีโอกาสเดินผ่านไปมาเห็นเราได้มากที่สุด และต้องเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจคุณด้วย

การใส่ SEO ในเว็บไซต์ ก็เปรียบได้กับการเลือกทำเลร้านออนไลน์ ให้ขึ้นโชว์บนหน้าแสดงผลของหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีโอกาสขายสินค้าและบริการได้สูงที่สุด หากปรากฏในหน้าแรก ๆ เพียง 1 – 3 หน้าของการค้นหา (ไม่เกิน 10 หน้า) เช่น การหาคำว่า “สอนพิเศษออนไลน์” หากคุณเป็นผู้รับจ้างสอนไม่ว่าวิชาใด ๆ ระดับการศึกษาแค่ไหน หากคุณรับสอนออนไลน์ ก็ควรมีคำนี้ ใน SEO เพื่อที่เวลากลุ่มเป้าหมายมาคีย์ลงในช่อง search engine ต่าง ๆ ไม่ว่า google yahoo ก็ตาม ก็จะได้มีโอกาสเห็นหน้าร้านคุณจากการจัดอับดับของแหล่งค้นหานั้น ๆ ซึ่งการใส่ คีย์เวิร์ดเพียงอย่างเดียว ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ การทำ SEO ที่สมบูรณ์ได้ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมาก ที่สำคัญคือ การใส่ content หรือเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กันกับสินค้าและบริการของคุณ โดยต้องเป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์ หรือคุณค่า (value) สูง ไม่ใช่เนื้อหาแบบที่คุณอาจเคยเห็นว่าเหมือนแปลด้วยบอท (เป็นภาษาหุ่นยนต์)

การใส่คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับการทำ SEO

การใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเพื่อการทำ SEO จึงต้องเลือกคนทำคอนเทนต์ที่เก่งและมีภูมิรู้ในเรื่อง SEO คู่กับเนื้อหาที่นำเสนอพอสมควร เช่น คุณทำธุรกิจเรื่องอาหารเสริม ก็จำเป็นต้องหาคนที่รับงานเขียน content ที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพโดยตรง เช่น แพทย์ เภสัชกร เนื่องจากมีความรู้ลึกซึ้งในกลไกการทำงานระบบต่าง ๆ ร่างกาย รวมถึงเคมีของยา วิตามิน-อาหารเสริม และหากเป็นไปได้ควรขอดูโปรไฟล์ (ข้อมูลการจบการศึกษา-เกรดวิชา) คู่กับ port ผลงานเขียนเพื่อการตัดสินใจจ้างเขียนบทความ SEO ซึ่งเรียกได้ว่ามี agency มากมายที่เป็นสื่อกลางหรือเป็นที่รวมตัวของผู้ที่รับงานเขียนเหล่านี้

การทำ SEO จึงเรียกได้ว่าเป็น “หัวใจ” ของการทำหน้าร้านออนไลน์ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงกลยุทธ์การขาย แต่ยังเป็นภาพลักษณ์ หรือเป็น brand ambassador ที่ดีได้ หากเลือกทำคอนเทนต์ที่เป็นแนวทางเดียวกัน ในการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณ

SEO เป็นแค่กลยุทธ์การขายจริงหรือ

โซเชียลมีเดียเพิ่มความแข็งแกร่งให้ SEO ได้อย่างไร

ทุกวันนี้ธุรกิจขนาดเล็ก ๆ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายปลีกเสื้อผ้า ร้านเสริมสวย เปิดช่องทางสื่อสารทางออนไลน์โดยใช้ทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Line, Instagram และอื่น ๆ ดูจะเป็นที่นิยมอย่างมากกว่าการเปิดเว็บไซต์ เพราะส่วนใหญ่เป็นบริการฟรี เว้นแต่จะซื้อโฆษณา คนทั่วไปสามารถเรียนรู้การใช้งานได้ง่ายด้วย อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ยังควรเป็นช่องทางการตลาดสายหลักต่อไป เพราะผู้บริโภคนิยมค้นหาสินค้าและบริการที่สนใจบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google มากที่สุด โอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายจึงมีมากกว่า แนะนำให้ทำการเชื่อมโยงคอนเทนต์จากเว็บไซต์ไปยังโซเชียลมีเดียและผสมผสานการทำ SEO ให้ทั้งสองแพลตฟอร์มเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

SEO กับ โซเชียลมีเดีย

การทำ SEO ให้กับโซเชียลมีเดียอาจแตกต่างจาก เว็บไซต์ บ้าง นั่นเป็นเพราะคนใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Line, Instagram ชอบดูรูปภาพและคลิปวิดีโอที่ช่วยประหยัดเวลาและสื่อเข้าใจง่ายอย่างรวดเร็วกว่าการอ่านบทความ ดังนั้น ถ้าจะเขียนบทความ ควรปรับลดเนื้อหาให้สั้นมากที่สุด เช่น เดิมเขียนบทความในเว็บไซต์ 500-750 คำ เมื่อนำมาใส่ใน Facebook ควรปรับเนื้อหาให้สั้นไม่เกิน 300 คำ เน้นความกระชับเพื่อให้เหมาะกับหน้าจอมือถือ เนื้อหาคอนเทนต์ต้องใช้ภาษาทันสมัย เข้าใจง่ายและน่าสนใจ ถ้าเป็นไปได้ควรขอความคิดเห็นจากลูกค้ามาเป็นรีวิว แล้วพิจารณาแทรกคำคีย์เวิร์ดเพื่อการทำ SEO ลงไปอย่างเหมาะสม โดยปกติการทำบทความใน Google ควรหลีกเลี่ยงคำประเภท “ดีที่สุด” “ยอดขายอันดับหนึ่ง” การทำบทความในโซเชียลมีเดียต้องละเว้นเช่นเดียวกัน เปลี่ยนไปใช้คำถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้ค้นหาสนใจซื้อมาทดลองใช้เอง โดยมีความเห็นเชิงบวกของผู้ที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นจุดโน้มน้าวใจ การทำ SEO ด้วยคีย์เวิร์ดที่โดดเด่นโดนใจจึงมีความสำคัญเช่นเดิม

ในส่วนของการใส่บทความ รูปภาพและวิดีโออยู่ในโซเชียลมีเดีย อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดลงไปในทุกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อภาพ การติดแท็ก หรือคำอธิบายเนื้อหาวิดีโอ เพื่อให้การทำ SEO ส่งผลต่อการค้นหาใน Google ด้วย รวมไปถึงเนื้อหาเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่นและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการเผยแพร่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดสำคัญไว้ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผลลัพธ์การค้นหา การเชื่อมโยงระหว่างโซเชียลมีเดียซึ่งมีจำนวนผู้ชมกดไลค์ กดแชร์จำนวนมาก มีบทบาทสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในตอนนี้ เพราะจะทำให้ธุรกิจของคุณติดอันดับที่ดีในผลลัพธ์การค้นหาของ Google

โซเชียลมีเดียเพิ่มความแข็งแกร่งให้ SEO ได้อย่างไร

สรุปคือไม่ว่าธุรกิจของคุณจะพึ่งพาช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์เป็นหลัก หรือการติดต่อกับผู้คนผ่านทาง Facebook หรือสื่อสังคมรูปแบบอื่น ๆ เป็นหลัก ไม่ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่งแบบโดด ๆ แต่ผสมผสานให้เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เข้าถึงคนได้รวดเร็ว สื่อสารข้อมูลอย่างละเอียดมากขึ้น รู้จักติดตามคู่แข่งเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยและปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด ทุกวันนี้ต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าหาลูกค้า อย่ารอคอยให้ลูกค้าค้นพบเราอย่างเดียว เราต้องเป็นฝ่ายบุกเข้าถึงตัวและนำเสนอสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

สร้างเว็บไซต์ ให้ใช้ง่ายบนมือถือ

เคล็ดลับ SEO สร้างเว็บไซต์ ให้ใช้ง่ายบนมือถือ

วิธีการสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายบนมือถือเป็นเรื่องใหม่ที่คนทำเว็บต้องเรียนรู้ สมัยก่อนจะทำหน้าเพจอย่างไรก็ได้ ไม่มีปัญหาในการใช้งานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปขนาดใหญ่ แต่การอ่านเนื้อหาบนมือถือมีข้อจำกัดเรื่องหน้าจอที่แคบ ต้องเลื่อนลงเพื่ออ่านข้อความ จำเป็นต้องปรับรูปแบบการเขียนด้วยถ้อยคำกระชับ สื่อสารเข้าใจได้รวดเร็ว

คุณทราบหรือไม่ พาดหัวข่าวและหัวข้อย่อยเอื้อประโยชน์ในการจัดอันดับเว็บของ Google ลองกลับไปทบทวนดูว่าบทความจำนวนมากที่โพสต์ในเว็บไซต์ของคุณแต่ละบทความมีเฉพาะชื่อเรื่อง ตามด้วยเนื้อหายาวกว่า 700 คำหรือเปล่า ลองปรับเปลี่ยนเพิ่มหัวข้อย่อยลงไป ทำให้เครื่องมือค้นหาของ Google สามารถวิเคราะห์พาดหัวข่าวและหัวข้อย่อยง่ายกว่าเดิมมาก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหัวข้อย่อยตรงกับเนื้อความสำคัญของบทความและตรงกับคีย์เวิร์ดหลักทั้งหมด

หัวข้อการทำ SEO ที่ดีควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ 2 ข้อ

สองส่วนที่ว่าได้แก่ ความชัดเจนและความอยากรู้ การให้ความชัดเจนทำให้ผู้อ่านรู้ว่าบทความเกี่ยวกับอะไรโดยไม่จำเป็นต้องมีบริบทก่อน ขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้ผู้อ่านอยากรู้อยากเห็น คลิกเข้ามาตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้พลาดอะไรไป การพาดหัวบทความเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่จะดึงดูดผู้อ่านให้คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติม

การออกแบบเว็บไซต์จะต้องสร้างอย่างรัดกุมเพื่อให้ใช้ง่ายบนมือถือ รู้ว่าจะต้องเขียนบทความอย่างไรให้กระชับ สละสลวย รู้ว่าจะต้องใส่บทความตรงไหน เลือกภาพอย่างไร หากคุณเริ่มทำ SEO จะเห็นว่ายุ่งยากเล็กน้อยในครั้งแรกเท่านั้น คุณเขียนพาดหัวและใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปด้วยเสมอ ในส่วนของการเขียน Meta Description เป็นคำอธิบายสั้น ๆ ให้ทราบว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเข้าใจรวดเร็วว่าเว็บของคุณตอบสนองสิ่งกำลังค้นหาอยู่และเลือกคลิกเข้ามาในเว็บ ยิ่งเพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บมากขึ้นเท่าไร ยิ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีในการจัดอันดับเว็บไซต์ของ Google ช่วยให้เข้าไปอยู่ในหน้าแรก ๆ ได้อย่างแน่นอน

หากอ่านง่ายบนมือถือ ผู้ใช้ย่อมติดใจ

หัวข้อย่อยสำคัญเช่นกัน ดูมีหลักการด้วย

การเพิ่มพาดหัวย่อยช่วยให้คุณทำ SEO เพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยและทำให้หน้าเพจอ่านง่ายขึ้นด้วย หัวข้อย่อยจึงเป็นกลยุทธ์ SEO ที่มองข้ามไม่ได้ หากเป็นไปได้ควรใช้ในทุกบทความ สำหรับการใส่รูปภาพ จะต้องเลือกรูปที่ไม่ใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้เว็บโหลดช้า เกิดปัญหาว่าผู้อ่านไม่อยากเสียเวลาก็จะกดออกไป คุณควรตรวจสอบเว็บไซต์และปรับให้หน้าเพจมีระยะเวลาการโหลดน้อยที่สุด โดยไม่ลดทอนข้อมูลหรือสิ่งที่จำเป็น วิธีนี้จะสนับสนุนการทำ SEO บนมือถืออย่างเต็มที่ ไม่ควรใส่ข้อความหรือรูปภาพมากเกินไปจะทำให้หน้าเพจโหลดช้า ยิ่งถ้าเครือข่ายหรือความเร็วของอินเทอร์เน็ตไม่ดีด้วย จะเกิดปัญหาตามาในอนาคต เพราะ Google จะยกเลิกฐานข้อมูลเดสก์ท็อปซึ่งหมายความว่าคำค้นหาทั้งหมดจะจัดอันดับตามฐานข้อมูลมือถือ ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังเหมาะสำหรับเดสก์ท็อปมากที่สุด ควรเริ่มต้นปรับปรุงทั้งแต่วันนี้ให้ใช้งานได้ผลดีกับอุปกรณ์มือถือเป็นหลัก

Facebook กับ SEO เกี่ยวข้องกันหรือไม่

ปัจจุบันรูปแบบการทำ SEOดูจะยากและมีหลายวิธีที่ทำให้หลายๆคนประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ เพราะปัจจัยในการทำ SEO มันมีความหลากหลาย Facebook ก็คือหนึ่งในนั้น หากเป็นการทำ SEO ในสายการขาย การตลาด เช่น เว็บขายสินค้าและอื่นๆ แน่นอนว่าการโปรโมทให้คนรู้จักเว็บไซด์คือสิ่งสำคัญ และการเข้าถึงผู้คนได้มากก็มีผลกับการค้นหา และการทำให้อันดับ SEO ของเว็บนั้นๆดีเช่นติดหน้าหนึ่งของ Google เป็นต้น

SEO-LOGO

แน่นอนว่าปัจจุบันการทำการตลาดหรือใช้ facebook

เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งในการทำ SEO มันยากขึ้นแต่มันก็ยังมีความสำคัญในการโปรโมท เพราะทุกวันนี้หากอยากให้คนรู้จักเว็บไซด์ของเราได้ไวที่สุด ง่ายที่สุด ลงทุนน้อยทีสุด นั่นคือ Facebook และ line แต่ส่วนใหญ่ก็เลือก Facebook เป็นอันดับแรกเพราะเข้าถึงคนง่ายที่สุด สะดวกที่สุด SEOกับFACEBOOK แต่ปัจจุบันการโปรโมทต่างๆบน Facebook ดูจะยากขึ้นทุกทีเพราะระบบของมันมีการปรับโน่นนี่หลายอย่างทำให้การทำการตลาดหรือสื่อสารด้านการค้าบน Facebook เป็นเรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องเป็นเว็บเทาๆ ก็อาจโดน Facebook แบนยูสเซอร์ แบนเพจ หรือกลุ่มที่เราทำไว้โปรโมทได้เหมือนกัน และมันส่งผลกับ SEO เพราะหากคนไม่เข้าเว็บอันดับก็ไม่ขึ้น การค้นหาตามคีย์ที่เราต้องการจะไม่มีเว็บของเราขึ้นหน้าแรกๆหรืออันดับต้นๆ ทีนี้ใครที่ว่าไม่เกี่ยวก็คงคิดว่ามันเกี่ยวกันแล้วใช่ไหมสำหรับ Facebook กับ SEO แม้จะส่วนน้อยก็ตามแต่มันคือช่องทางการโปรโมทที่ดีที่สุดที่เราจะหาได้ในตอนนี้

SEO-LOGO

แม้ว่าการทำ SEO

จะมีเทคนิคที่หลากหลายแต่หากขาดการโปรโมทเข้าถึงผู้คนกลุ่มเป้าหมายก็อาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน แม้ว่าเว็บเราจะมีคุณภาพ มีคอนเทนต์ดีๆ มีการทำ BL ที่เกิดผล โดเมนมีค่าดีๆ แต่หากไม่มีการโปรโมทสิ่งทีทำมาก็ไม่ได้อะไรเหมือนกัน เพราะมีลูกค้าบางกลุ่มสนใจยอดวิวมากกว่าการติดอันดับในหน้าแรกของ Google เขาไม่สนว่าคุณจะทำเก่งแค่ไหน แต่หากยอดวิวเข้าเว็บน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้มันก็เหมือนเราทำ SEO ไม่สำเร็จเพราะจำนวนคลิ๊กไม่เกิด นั่นคือปัญหาที่คนทำ SEO ส่วนใหญ่จะเจอและที่ตามมาคือมันมักอิงกับยอดต่างๆที่ลูกค้าต้องการด้วย ไม่ว่าจะเป็นการติด AD สร้างรายได้หรือการขายสินค้าของเขา และปัญหาเหล่านี้ก็เหมือนปัญหาโลกแตกแก้ไม่จบเพราะลูกค้าไม่เข้าใจ และที่นี่คือส่วนมากการโปรโมทก็มักมาคู่กับการทำ SEO ด้วยในปัจจุบันดังนั้น Facebook กับ SEO มันก็เหมือนถูกโยงเป็นส่วนหนึ่งด้วยกันนั่นเอง