ทำ SEO ให้ลูกค้ามั่นใจ

เทคนิคสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย SEO

อินเทอร์เน็ตเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์เป็นไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตมีความหลากหลายมาก เช่น การ ขายของออนไลน์ ฟรีแลนซ์ อาชีพเกี่ยวกับการจัดหาที่พัก เป็นต้น เนื่องจากอินเทอร์เน็ตถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยโปรโมทและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

ความน่าเชื่อถือของสินค้าและบริการออฟไลน์จะเกิดขึ้นต่อเมื่อการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นมีคุณภาพและมีบริการหลังการขายที่ดี แต่สำหรับสินค้าหรือบริการบนโลกออนไลน์จะมีความยากกว่า เพราะลูกค้าจะไม่เห็นหน้าของผู้ขาย ในบางครั้งสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ก็ไม่มีหน้าร้านที่ชัดเจน ซึ่งเทคนิคที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า มีดังนี้

ทำ SEO ให้ลูกค้ามั่นใจ

สร้างเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นหน้าร้าน โดยออกแบบให้ดูมีความน่าเชื่อถือเหมาะสมกับสินค้าและบริการ

ใส่ข้อมูลการติดต่อให้ชัดเจนและอธิบายเว็บไซต์คร่าว ๆ ว่าให้บริการหรือขายสินค้าประเภทใดบ้าง หากมีหนังสือรับรองก็ควรระบุเอาไว้ด้วย เพราะสินค้าหรือบริการบางอย่างจำเป็นที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการโพสต์หนังสือสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

จัดหมวดหมู่สินค้าหรือบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเมื่อเข้าสู่เว็บไซต์ ซึ่งการจัดหมวดหมู่ให้มีความเป็นระเบียบจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับความไว้วางใจจาก Search Engine มากขึ้นด้วย

เขียนบทความที่มีสาระความรู้โดยใช้ Keyword หลักที่มีคนค้นหาสูง แต่การแข่งขันต่ำ เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงประโยชน์ หรือปัญหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเขียนเป็นบทความที่มีความยาวประมาณ 300 คำขึ้นไป เพราะเป็นจำนวนที่สามารถอธิบายให้คนอ่านเข้าใจได้ดี ใช้เวลาอ่านไม่นาน นอกจากนี้การจัดบทความให้น่าอ่าน พร้อมแทรกรูปภาพที่เกี่ยวข้องโดยใส่คีย์เวิร์ดเอาไว้ในคำอธิบายรูปภาพจะทำให้บทความติดอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น การโพสต์บทความเป็นประจำสม่ำเสมอและเป็นบทความที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อ่าน จะทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือจากลูกค้ามากขึ้น เพราะลูกค้าจะเห็นว่าเว็บไซต์มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอย่างแท้จริงเทคนิคสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าด้วย SEO

การทำ Content VDO ผสมผสานกับบทความ จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากได้เห็นสินค้าหรือบริการที่แท้จริงผ่านวิดีโอ

โพสต์บทความหรือ Content VDO บนสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการโปรโมทสินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

การทำบทความ SEO เป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าหรือบริการจากลูกค้าได้ดี ทั้งนี้การเช็คผลตอบลัพธ์จากการอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ เช่น มีคำถามท้ายบทความว่า “บทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณหรือไม่?” และมีปุ่มสำหรับคลิกให้คะแนน เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าและนำมาปรับปรุงการเขียนเนื้อหา เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นได้

รวม SEO Plugins สำหรับคนทำ WordPress ฟรี

รวม SEO Plugins สำหรับคนทำ WordPress ฟรี!

WordPress เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก่า เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับ Search Engine รวมถึงมี Plugins หลายแบบเพื่อรองรับเป้าหมายของการทำเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังรองรับการทำ SEO หรือ Search engine optimization เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าหนึ่งใน Search Engine ด้วย โดยขั้นตอนในการทำ SEO บน WordPress มีดังนี้

ขั้นตอนการทำ SEO บน WordPress

ตั้งชื่อหัวข้อด้วย Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อย โดยตั้งให้เป็นประโยคที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้คลิกอ่านข้อมูลด้านใน โดยอาจตั้งด้วยคำถามที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจ เป็นต้น

เขียนบทความโดยใช้หัวข้อย่อยโดยใส่ Keyword เพื่อให้เกิดการตอบรับกันระหว่างหัวข้อและเนื้อหาด้านใน

เน้นคำสำคัญหรือ Keyword เพื่อให้ Search Engine มองหาคำที่เราต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นชัดเจนมากขึ้น

รูปภาพเลือกใช้รูปภาพที่เกี่ยวข้องกับบทความ SEO โดยตั้งชื่อไฟล์ด้วย Keyword และใส่ Alt image เป็นคีย์เวิร์ดหลักเพื่อให้ Content ติด SEO ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้จุดที่เหมาะต่อการวางรูปภาพควรเลือกบริเวณที่มีคีย์เวิร์ดหลักล้อมรอบจะช่วยให้บทความติดอันดับ SEO ได้ง่ายขึ้น

อัปโหลดบทความเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 บทความ โดยความยาวของบทความควรอยู่ที่ประมาณ 300 คำขึ้นไป โดยอาจเขียนบทความใหม่ผสมกับบทความรีไรท์เพื่อให้เกิดการอัพเดตบทความบนเว็บไซต์อยู่เสมอ

ซึ่งหลักการในการทำ SEO บน WordPress ยังมีอีกมากมาย แต่เพื่อให้การทำ SEO บน WordPress เป็นเรื่องง่ายขึ้น การติดตั้ง Plugins ย่อมช่วยให้การทำ SEO สะดวกและมีประสิทธิภาพ

Plugin คือ ส่วนเสริมที่ช่วยให้การทำงานในฟังก์ชันต่าง ๆ บนเว็บไซต์ง่ายขึ้น โดย SEO Plugins ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

– Yoast SEO เป็นส่วนเสริมหรือ Plugins ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ทำ WordPress มากที่สุด เนื่องจากมีการติดตั้งและใช้งานง่าย รองรับการทำ SEO บน Search Engine ที่หลากหลาย เช่น การตั้งชื่อบทความใหม่ให้ตอบโจทย์ต่อการทำ SEO มากขึ้น, การสร้างลิงก์บทความที่เหมาะต่อการทำ SEO เป็นต้น

– All in One SEO Pack เป็น Plugin SEO ที่ช่วยให้การทำ SEO เป็นเรื่องง่ายขึ้น รองรับการทำ SEO title and meta tags, open graph meta tags, XML sitemaps และ image sitemaps เป็นต้น

– SEOPress เป็น SEO Plugins ที่ได้รับความนิยมรองจาก Yoast เพราะโหมดเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก แต่สามารถรองรับการทำงานที่หลากหลายเพื่อให้เกิดการทำ SEO ที่มีคุณภาพบนเว็บไซต์

การทำ SEO บน WordPress ให้มีประสิทธิภาพควรทำทั้ง On-page คือ การทำเนื้อหาให้มีคุณภาพโดยใช้ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อย กระจายให้ทั่วบทความโดยไม่ใช้ Keyword ถี่มากจนเกินไป ผสานกับการใช้ Plugins และ Off-page คือ ถ้าเนื้อหาดีมีคุณภาพจริง ก็จะมีเว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงถึง หรือโยงลิงก์กลับมามากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ขั้นตอนการทำ SEO บน WordPress

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบทความ SEO เพื่อคนทำเว็บไซต์ออนไลน์

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับบทความ SEO เพื่อคนทำเว็บไซต์ออนไลน์

การทำ SEO ตามระบบ search engine optimization ที่ Google กำหนด มีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและส่งเสริมธุรกิจให้มียอดขายดีขึ้น ซึ่งสิ่งที่ผู้คนจะเห็นจากเว็บไซต์เป็นอย่างแรก ก็คือ บทความ SEO จากการสืบค้นในช่อง Search ของ Google ดังนั้น การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพ จึงสร้างความประทับใจเบื้องต้นแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

หลักการเขียนบทความ

การเขียนบทความใด ๆ นั้นจะต้องรู้วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น บทความทั่วไปจะเป็นแนววิชาการ เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาข้อมูลหรือเป็นการเล่าข่าวหรือเล่าผลการวิจัย ถ้าเป็นแนวเพื่อการขายและรีวิวสินค้า ก็ต้องให้ความสำคัญกับภาษาและการบอกเล่าประสบการณ์ในการใช้สินค้าหนึ่ง ๆ

แต่สำหรับบทความ SEO นั้น จะต้องเลือกจาก keyword ที่ตรงกับการค้นหาใน Google เป็น ซึ่งมีเครื่องมือที่คนทำบทความ SEO เพื่อธุรกิจออนไลน์ควรรู้จัก คือ Google search Console ที่จะมีระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ในการรวบรวมสถิติการใช้งานของคนทั่วโลกว่า ใช้ keyword ใดในการค้นหาบ้าง

ตัวอย่างเช่น การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมือถือ ก็จะมีการใช้ keyword ที่นิยมอย่าง มือถือ iPhone 11 ดีไหม หรือ มือถือ Huawei รุ่นใหม่ ใช้ง่าย เป็นต้น

หากคุณพบว่าคำเหล่านี้มีเปอร์เซ็นต์การสืบค้นมากกว่าคำอื่น ๆ และอำนาจในการแข่งขันสูง เมื่อทำบทความแล้วย่อมจะได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ที่กำลังอยากเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือตามมา เช่นนี้ ก็แสดงว่าการสื่อสารผ่านบทความ SEO เรื่องนั้น ๆ ประสบความสำเร็จในเบื้องต้นแล้ว

และถ้าคุณเป็นเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ไอที เมื่อทำบทความ SEO ที่มีการคัดเลือก keyword ที่ดีอย่างต่อเนื่อง จนสามารถกระตุ้นให้มียอดขายสินค้าในเว็บไซต์คุณมากขึ้นได้ ก็จะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ก้าวไกลขึ้นนั่นเอง

การทำเว็บไซต์ SEO จะต้องคำนึงทั้งในส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามใช้งานง่าย ซึ่งบทความ SEO ที่นำเสนออยู่บนเว็บไซต์คือกุญแจสำคัญของธุรกิจออนไลน์ ที่ผู้ใช้งานจะมองเห็นจากหัวข้อแล้วคลิกเข้ามาอ่าน ดังนั้นการจัดหมวดหมู่ของบทความก็เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้

ตัวอย่างได้แก่ หากคุณทำเว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องแม่และเด็ก ก็ควรจะแบ่งบทความ SEO ตามกลุ่มอายุของลูก เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์, ทารกหลังคลอดช่วง 1 ปีแรก, ทารกระยะ 1-3 ปี, เด็กเล็กก่อนวัยอนุบาล, เด็กประถม, เด็กมัธยม เป็นต้น เพื่อให้ผู้ปกครองที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยที่แตกต่างกัน สามารถที่จะคลิกเข้าไปชมข้อมูลจากเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว อันแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของผู้ทำธุรกิจเว็บไซต์และความใส่ใจที่ต้องการให้ผู้อ่านได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุด

จะเห็นได้ว่า การทำบทความ SEO ที่ดี ต้องใส่ใจผลิตให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ การหมั่นค้นหาข้อมูลที่มีความทันสมัย เพื่อทำให้บทความมีคุณภาพสูง อันจะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น และส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจออนไลน์นั้นมีความเป็นมืออาชีพด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้มีรายได้เข้าสู่ธุรกิจที่มากขึ้นในระยะยาวด้วย

หลักการเขียนบทความ

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ wordpress plugin

wordpress เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการทำเว็บไซต์ SEO ที่นิยมใช้กันทั่วโลก เพราะใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งให้ทำงานสมบูรณ์ด้วย plugin ที่ออกแบบมาให้มีความสามารถเฉพาะตัวมากถึงเกือบ 60,000 รายการ ซึ่ง plugin ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเว็บไซต์แนะนำให้นักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่รู้จักและศึกษาการใช้งานมีดังนี้

ทำความรู้จักและศึกษาปลั๊กอินแต่ละรุ่น

Yoast SEO

เป็น plugin ตัวช่วยสำคัญอันดับหนึ่งที่คนทั่วโลกรู้จักกัน สามารถปรับแต่ง keyword ให้เหมาะสมและสัมพันธ์กับเนื้อหาและบทย่อความได้ ซึ่งจะมีการประเมินผลว่ามีคุณภาพสูงเพียงใด เป็นสัญญาณไฟ แดง เหลือง เขียว และเหตุผลที่อ่านเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ดูแลเว็บไซต์ทำการแก้ไขก่อนการอัปโหลดขึ้นระบบอินเทอร์เน็ต

All In One WP Security and Firewall

เป็น plugin ที่มีความสามารถด้านระบบรักษาความปลอดภัย หลังจากติดตั้งจะลดปัญหาความเสี่ยงการโดนแฮกหรือขโมยข้อมูลสำคัญจากเว็บไซต์ ทั้งเรื่องของสินค้าที่มีสิทธิบัตร ข้อมูลบริษัทและข้อมูลของผู้บริโภค เป็น plugin ที่ทำงานเทียบได้กับระบบป้องกันไวรัสของเครื่องคอมพิวเตอร์ และยังมีจุดเด่นสำคัญคือ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแบบไม่มีค่าใช้จ่าย

Page Builder by SiteOrigin

เป็นตัวช่วยจัดวางโครงร่างของเว็บไซต์ให้สวยงาม ใช้งานได้ง่าย แม้จะเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านศิลปะมาก่อน ก็ทำให้เว็บไซต์สวยได้แบบมืออาชีพ การที่เจ้าของเว็บไซต์สามารถเลือกธีมสีสันตำแหน่งการจัดวางที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้างความประทับใจและทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น

WooCommerce

เป็น plugin ที่เหมาะสำหรับการทำเว็บไซต์ซื้อขายของ ที่รองรับออเดอร์ลูกค้าจำนวนมากตลอดวัน อย่าง เว็บไซต์ Lazada หรือ shopee ที่มีสินค้าหลายร้อยถึงพันชิ้น plugin นี้จะช่วยในการหยิบสินค้าใส่ตะกร้า แนะนำสินค้าที่คาดว่าลูกค้าต้องการซื้อเพราะเกี่ยวข้องกันกับที่ใส่ตะกร้าไว้แล้ว ช่วยในการคิดราคาสินค้าที่ขึ้นกับวิธีการจ่ายเงินและการจัดส่ง ฯลฯ นับว่าเป็นตัวช่วยทำเรื่องยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

Smart Slider

เป็น Plugin ที่ช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ เพราะสามารถใส่ภาพที่ต้องการส่งเสริมการขายได้ที่ด้านบนของจอ แล้วให้มีการสไลด์ภาพแบบอัตโนมัติวนไปไม่มีจบ นับว่าเป็นช่องการการประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นใหม่ ๆ หรือแนะนำสินค้าใหม่ของเว็บไซต์ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาอย่างการทำ Google Ads

จากที่กล่าวมา คงเห็นแล้วว่า Plugin มีประโยชน์หลากหลายด้านที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ที่ทำบน wordpress ประสบความสำเร็จตามหลักการ SEO มากขึ้น เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยทุกท่านเห็นความสำคัญของการเลือก Plugin ที่เหมาะสมกับธุรกิจมาดาวน์โหลดใช้งานกันมากขึ้นต่อไป

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ wordpress plugin

ระบบฟังก์ชันของ Google Search Console

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Google Search Console

Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์คุณภาพของการทำ SEO ในเว็บไซต์ ทั้งในส่วนของ on-Page และการเชื่อมโยงลิงก์หรือ off-page SEO ทำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถที่จะปรับแก้ไขจุดอ่อนให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ระบบ AI ของ Google นำไปวิเคราะห์และปรับอันดับ SEO ให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอได้

หลังจากการติดตั้ง Google Search Console แล้วให้เลือก Domain หรือซับโดเมนที่ต้องการให้ตัวช่วยนี้วิเคราะห์การทำ SEO แล้วทำการยืนยันตัวตนในฐานะเป็นเจ้าของเว็บไซต์ และผู้ดูแลเว็บไซต์

ระบบฟังก์ชันของ Google Search Console มีหลายจุดที่น่าสนใจ ได้แก่

1. Performance

เป็นสถิติตัวเลขและกราฟที่ช่วยในการเห็นประสิทธิภาพในการทำ SEO ย้อนหลังไปประมาณ 1 ปี โดยจะมีค่าที่สำคัญ ได้แก่

Impressions หรือจำนวนครั้งที่เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอยู่ในหน้าต่าง Google

Clicks เป็นจำนวนครั้งที่มีคนคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ

Average CTR เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ คำนวณจากจำนวนผู้ที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์หารด้วยจำนวนผู้ที่เห็นเว็บไซต์ของคุณ คูณด้วย 100

Average Position หมายถึง อันดับในการนำเสนอเว็บไซต์คุณ หากอยู่ในอันดับบน เช่น 1-2 ในหน้าแสดงผลเว็บไซต์ จะมีความเชื่อถือจากลูกค้าสูง และมียอดการสั่งซื้อสินค้าที่สูงกว่าเว็บไซต์อันดับรองลงมาหลายเท่าตัว

2. URL Inspection

เป็นสิ่งที่สามารถใช้บอกได้ว่า แต่ละเพจที่คุณใส่ URL address ลงไปตรวจสอบในฟังก์ชั่นนี้ ถูกจัดเก็บข้อมูลไปด้วยระบบ algorithm ใน Google หรือยังหรือแสดงผลอยู่ใน XML sitemap ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สำคัญที่ช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ได้ดียิ่งขึ้น หากคุณมีการแก้ไขเพจแล้ว แต่ยังไม่มีการดึงข้อมูลไปในระบบ AI ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม Request indexing เพื่อกระตุ้นให้ระบบมาจัดเก็บได้

3. XML sitemap

เป็นแผนผังในโครงสร้างของเว็บไซต์ ที่จะแสดงให้ระบบ algorithm ของ Google ได้ทำความเข้าใจกับเว็บไซต์คุณได้ง่ายและรวดเร็ว จึงช่วยในการประมวลผลข้อมูลจัดอันดับ SEO ได้เร็วยิ่งขึ้น

4. Link

การทำ link เชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของการทำ SEO มีทั้ง External Link หรือ off-Page SEO และ Internal Link ที่เป็นการเชื่อมโยงระหว่างเพจในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะมีค่าตัวเลขที่แสดงถึง Top linking Page หรือเพจที่ผู้คนสนใจมากอันดับต้น ๆ และอีกมากมาย ให้คุณจะนำไปต่อยอดในการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นตามความสนใจได้

Google Search Console เป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาเว็บไซต์ออนไลน์ของคุณให้สอดคล้องกับระบบ SEO ได้มากยิ่งขึ้น หากคุณต้องการให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน และมีอำนาจในการแข่งขันกับแบรนด์อื่นในหมวดสินค้าเดียวกัน ต้องทำการศึกษาเรื่องการทำ SEO และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ อย่าง Google Search Console และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้อง เช่น Yoast SEO ด้วย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Google Search Console

รู้ไหม เว็บไซต์ดาวน์โหลดเร็วขึ้น อันดับ SEO ก็เพิ่มตาม

รู้ไหม เว็บไซต์ดาวน์โหลดเร็วขึ้น อันดับ SEO ก็เพิ่มตาม

การทำเว็บไซต์ออนไลน์ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง ผู้ที่ใส่ใจพัฒนาเว็บไซต์ตามระบบ SEO จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้นจากการค้นด้วยช่อง search ใน Google โดยมีเทคนิคที่จะทำให้เว็บไซต์ได้อันดับ SEO สูงขึ้น ซึ่งมีทั้งการปรับส่วนโครงสร้าง การทำเนื้อหาบทความที่ดึงดูดใจ การทำลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น รวมถึงการเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลด้วย

การเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ของเว็บไซต์ SEO จะ เป็นผลบวกในการสร้างความประทับใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลดระยะเวลาในการดาวน์โหลด สิ้นเปลืองทรัพยากรในระบบน้อยลง ซึ่งเทคนิคในการทำมีดังนี้

1. การเลือก hosting ที่ดี

Hosting เปรียบเหมือนการเช่าพื้นที่ขายของออนไลน์ ซึ่งมีหลายแบบที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทและขนาดธุรกิจ ควรเลือก hosting ที่มีคุณภาพอย่าง Siteground และ Ruk-Com เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพช่วยดูแลระบบ server ไม่มีการรบกวนความเร็วของแต่ละเว็บไซต์ จึงลดปัญหาเว็บล่มจากการดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกันได้

2. การติดตั้งปลั๊กอิน

การทำเว็บไซต์ออนไลน์จะใช้โปรแกรม wordpress ซึ่งจะมีปลั๊กอินที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำ SEO ควรเลือกให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ดาวน์โหลดเท่าที่จำเป็น เช่น SEOปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO และ WP super cache ซึ่งทำขึ้นเพื่อใช้กับ wordpress โดยเฉพาะ ไม่ควรให้มีปลั๊กอินเกิน 15 ตัว

3. การควบคุมขนาดของรูปภาพ

การมีไฟล์ภาพที่ใหญ่เกินจำเป็น เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในระบบ ทำให้ใช้เวลาดาวน์โหลดข้อมูลนาน ซึ่งมีการเก็บข้อมูลพบว่าลูกค้ามักรอเวลาดาวน์โหลดไม่เกิน 5 วินาที เท่านั้น จึงควรลดขนาดภาพให้เล็กกว่า 200 KB การปรับขนาดให้ภาพเล็กลงด้วยโปรแกรมฟรี อย่าง photoscape เป็นตัวช่วยที่ดีทำให้ดาวน์โหลดได้เร็วยิ่งขึ้น โดยไม่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

4. การแชร์ข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น

นอกจากการผลิตบทความของตัวเองแล้ว หลายคนนิยมนำคลิปวิดีโอจาก YouTube มาใส่ที่เว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อสร้างลิงก์ เพิ่มอันดับ SEO และดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีการใช้ทรัพยากรของระบบมากน้อยเพียงใด และหากจะมีการนำรูปมาจากแหล่งอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถ่ายทำเอง ก็ควรเช็คเรื่องลิขสิทธิ์และดาวน์โหลดมาเพื่อปรับขนาดของรูปให้เล็กลงก่อนนำไปใช้ด้วย

จะเห็นได้ว่า การปรับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทำเว็บไซต์ของคุณจะส่งผลต่อความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความประทับใจให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ส่งผลดีในระยะยาว คือ ทำให้มีความนิยมในการใช้บริการสืบค้นข้อมูลภายในเว็บไซต์คุณมากขึ้น และทำให้มียอดขายสินค้าและบริการสูงขึ้นด้วย

การเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูล

มาเรียนรู้การหา keyword SEO อย่างง่าย 2019

มาเรียนรู้การหา keyword SEO อย่างง่าย 2019

การเลือก keyword สำหรับทำ บทความ SEO รวมถึงการตั้งชื่อรูปภาพ สำคัญอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ ที่ต้องมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับระบบ search engine optimization ที่ Google กำหนด หากเลือก keyword ไม่เหมาะสม ก็จะทำให้ไม่ตรงกับการสืบค้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งยังไม่สามารถสร้างความดึงดูดใจให้เกิดการคลิกเข้ามาซื้อสินค้าและบริการได้

keyword SEO หาได้ง่ายๆ

การเลือก keyword SEO อย่างง่าย เริ่มจากการพิมพ์ในช่อง Google Search ด้วยคำสั้น ๆ ที่เป็นหมวดหมู่ใหญ่ของสินค้าและบริการของคุณ เช่น คุณขายอาหารเสริม ในเว็บไซต์ออนไลน์ สามารถพิมพ์คำว่า อาหารเสริม ลงไป จะมีคำอัตโนมัติขึ้นมาหลายคำ เช่น อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงสมอง อาหารเสริมบำรุงสายตา อาหารเสริมผิวขาว ฯลฯ ซึ่งเป็นคำที่ตรงกับการสืบค้นจริงของกลุ่มลูกค้า ที่คุณสามารถนำมาเขียนในบทความ SEO ได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกตัวช่วยง่าย ๆ นั่นคือ หัวข้อ Search related to ที่จะปรากฏเมื่อคุณทำการคลิกที่ keyword หนึ่ง ๆ ใน Google search เช่น คลิกคำว่า อาหารเสริมลดน้ำหนัก ระบบของ Google ก็จะแสดงผลการสืบค้นเป็นเว็บไซต์จำนวน 10 ถึง 20 เว็บไซต์ แล้วก็ตามด้วยตัวอย่างคำที่อยู่ด้านล่าง ใต้หัวข้อว่า หัวข้อ Search related to เช่น คำว่าอาหารเสริมลดน้ำหนัก ยี่ห้อไหนดี Pantip รีวิวอาหารเสริมลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วนที่ปลอดภัย ฯลฯ

คำที่แสดงอย่างอัตโนมัติเหล่านี้ ก็เป็นตัวอย่างของ Long-Tail keyword ที่มีความยาวและจำเพาะเจาะจงของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่กูรูด้านตลาดแนะนำว่า ควรจะใช้มากขึ้นในยุค 2019 เพราะจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการขายสินค้าและบริการได้สูงขึ้น โดยหากคุณจำหน่ายสินค้าที่เป็นแบรนด์เนม เช่น กระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์กีฬา คอมพิวเตอร์ มือถือ ของใช้ไอที ฯลฯ ก็ควรระบุยี่ห้อและรุ่นของสินค้าใน keyword ด้วย

นอกจากวิธีที่กล่าวมาแล้ว คุณยังสามารถเรียนรู้แบบลัดสั้นได้ จากการสืบค้นดูว่าเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อพิมพ์ด้วยคีย์เวิร์ดหนึ่ง ๆ มีเทคนิคการตั้งชื่ออย่างไร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด SEO แนะนำเว็บไซต์ที่ผู้เป็นมือใหม่ในการทำ SEO สามารถใช้งานได้ง่าย

นั่นคือ Ubersuggest ที่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเว็บไซต์ชั้นนำที่เป็นคู่แข่งของคุณใช้ keyword ใด มากน้อยเท่าไร ซึ่งจะแสดงผลเป็นตัวเลขแสดงค่า traffic หรือจำนวนผู้เข้าไปชมในเว็บไซต์เหล่านั้น คุณจะเห็นได้ง่าย ๆ ว่า keyword ใดมีการแข่งขันกันสูง หรือมีความนิยมสูงจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากกว่ากัน ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ

หวังว่า เทคนิคการเลือก keyword แบบง่าย ๆ ที่นำเสนอจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจการทำเว็บไซต์ออนไลน์ในเบื้องต้น ระหว่างการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงด้วยตัวเองหรืออาจจ้างบริษัททำ SEO ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำเว็บไซต์ออนไลน์อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

keyword SEO หาได้ง่ายๆ

Plugin SEO ใน wordpress มีอะไรบ้าง คนทำเว็บไซต์ควรรู้

Plugin SEO ใน wordpress มีอะไรบ้าง คนทำเว็บไซต์ควรรู้

การทำ เว็บไซต์ SEO ให้ประสบความสำเร็จได้ จะต้องมีการพัฒนาส่วนประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับบทความเนื้อหา การสร้างลิงก์ที่จะช่วยให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ search engine อย่างเช่น Google กำหนด จึงจะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์สูงขึ้น มีโอกาสปรากฏในหน้าต่างการสืบค้นเป็นลำดับบน ๆ ทำให้มียอดผู้ชมและรายได้ที่ดีตามมา

เราจะได้รวบรวมปลั๊กอิน SEO ที่น่าสนใจใน wordpress มาฝากกัน เพื่อให้คนทำเว็บไซต์ได้เลือกไปใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม ดังนี้

1. All In One SEO

เป็น plugin ที่มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน และเป็นรุ่นแรก ๆ ที่คนทำเว็บไซต์รู้จัก ปัจจุบันอัปเดตถึงเวอร์ชั่น 3.2.3 ซึ่งมีการเก็บสถิติพบว่าได้มีคนติดตั้งใช้งานกับเว็บไซต์แล้วมากกว่า 2 ล้านแห่ง

ซึ่ง All In One SEO เป็นปลั๊กอินที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเปิดเว็บไซต์ใหม่ ๆ ช่วยในการเพิ่มส่วนของความจำ หรือ Memory Limit ได้ ช่วยประมวลผลของเว็บไซต์และสรุปสถานะต่าง ๆ ของระบบ ที่สำคัญคือ ป้องกันระบบบอทจากภายนอก ที่อาจเป็นอันตรายหรือรบกวนการทำงานของระบบในเว็บไซต์ทางธุรกิจได้ แต่ทั้งนี้ก็มีข้อด้อย ที่ไม่มีการพัฒนาในส่วนของการตรวจสอบคุณภาพของบทความ SEO

2. Yoast SEO

เป็นปลั๊กอินที่คนไทยรู้จักกันดี เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีการใช้งานในเว็บไซต์ต่าง ๆ ทางธุรกิจมากกว่า 5 ล้านแห่ง มีข้อดีที่สำคัญ คือ สามารถวิเคราะห์คุณภาพของบทความ SEO ได้อย่างเข้าใจง่าย มีการแสดงผลการวิเคราะห์เป็นไฟสีเขียวและแดง ที่หมายถึง ผ่านและไม่ผ่าน พร้อมคำอธิบายและผลการวิเคราะห์เพื่อการแก้ไขได้ในทันที อีกทั้งยังช่วยในการตั้งชื่อหรือ Title ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำ hyperlink เชื่อมโยงสู่เว็บไซต์อื่นได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ก็มีข้อเสียที่สำคัญ คือ ผลการวิเคราะห์บทความที่เป็นภาษาไทยยังมีข้อผิดพลาดอยู่

3. Rank Match

เป็นปลั๊กอินที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปี 2019 ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดใช้งานอยู่มากอยู่ราวหนึ่งแสนเว็บไซต์ มีข้อดีตรงที่ใช้วิเคราะห์บทความที่เป็นภาษาไทยได้แม่นยำมากกว่า Yoast SEO และให้ผลวิเคราะห์เป็นค่าตัวเลข จึงใช้เปรียบเทียบพัฒนาการของการทำ SEO ได้ดีกว่า นอกจากนี้ Rank Match ยังมีฟีเจอร์รองรับการใช้งานธุรกิจยุคใหม่ อย่าง Local SEO และ WooCommerce อย่างไรก็ตาม Rank Match ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันบอทต่ำ รวมถึงไม่สามารถตรวจสอบสมรรถนะได้อย่างระบบ All In One SEO

จะเห็นได้ว่า การเลือกใช้ plugin SEO ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ออนไลน์ ต้องมีการวิเคราะห์องค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน ว่าตอบโจทย์การใช้งานหรือไม่ คู่กับการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในด้านอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันดับ SEO ในทางที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

รวบรวมปลั๊กอิน SEO ที่น่าสนใจใน wordpress

Google search console สำคัญอย่างไรต่อการทำเว็บไซต์ SEO

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันจะประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านยอดขายและการขยายฐานลูกค้า ต้องอาศัยการทำเป็นระบบ SEO หรือ search engine optimization ซึ่ง Google search console เป็นเครื่องมือที่ Google ให้บริการฟรีสำหรับคนทำเว็บไซต์ เพื่อสามารถเช็คคุณสมบัติต่าง ๆ จากผลการวิเคราะห์โดยระบบ algorithm ทำให้มีทิศทางในการพัฒนาเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น

Google search console ในอดีตเรียกว่า Google webmaster tools เป็น เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย เพียงเข้าเว็บไซต์ Google search console แล้วใส่โดเมนและ URL ของเว็บไซต์คุณ (เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเว็บไซต์ออนไลน์) หลังจากนั้นทำการติดตั้ง ด้วย html หรือ ปลั๊กอิน yoast SEO ก็จะสามารถใช้งานได้

โดยตัวเลขและกราฟต่าง ๆ ที่แสดงใน Google search console มีประโยชน์ในการนำไปพัฒนาเว็บไซต์ในหลากหลายด้าน ได้แก่

Performance เป็นกราฟพร้อมตัวเลขอย่างละเอียด ที่แสดงผลย้อนหลังนานถึง 16 เดือน ให้แก่เจ้าของเว็บไซต์ เพื่อให้เห็นว่ามีการพัฒนามาอย่างถูกทางหรือไม่ ซึ่งจะแสดงผลทั้ง จำนวนการคลิกต่อการปรากฏผลในหน้าต่างการสืบค้น (CTR หรือ click through rate) ภูมิภาคหรือประเทศของผู้ที่สนใจคลิกเข้ามาชมข้อมูลในเว็บไซต์ เป็นต้น

URL inspection เป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการตรวจสอบโดย Google ครั้งล่าสุดเมื่อใด ยิ่งมีการปรับปรุงเว็บไซต์บ่อย ๆ ตามหลัก SEO ก็จะยิ่งมีโอกาสถูกจัดอันดับ SEO ให้สูงยิ่งขึ้น (มักทำให้มียอดขายที่ดีตามมาด้วย) ทั้งนี้ยังมีส่วนแสดงหมายเหตุ ที่บอกด้วยว่ามีประเด็นใดที่ Google แนะนำว่าควรปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อการพัฒนาต่อยอดได้อย่างตรงจุดด้วย

Mobile usabilities เป็นตัวเลขจากการวิเคราะห์ว่า เว็บไซต์ของคุณนั้นถูกใช้งานผ่านระบบโทรศัพท์มือถือมากน้อยเพียงใด เหมาะสมกับการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมการหาข้อมูลและซื้อสินค้าออนไลน์มากหรือน้อย ถ้าค่า mobile usability สูงก็จะสัมพันธ์กับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นเว็บไซต์เล่นเกมส์ หรือ เว็บคาสิโนทั่วไปอย่าง Hero88 ก็จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงสมาร์ทโฟน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะเล่นผ่านมือถือกันเป็นจำนวนมาก หรือไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์อื่นๆก็เช่นกัน ถ้าหากเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้ง่ายก็จะสะดวกต่อผู้ใช้ ซึ่งตอบโจทย์และจะนำไปสู่ความสำเร็จอันสูงสุดเลยทีเดียว

Security Issues เป็นค่าตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่ามีไวรัสหรือ malware ที่เป็นอันตรายหลบซ่อนอยู่ในเว็บไซต์คุณหรือไม่ รวมถึงปัญหาทางเทคนิคของระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ที่อาจจะกระทบต่อการส่งผ่านข้อมูลหรือระบบรักษาความปลอดภัยในเว็บไซต์ (เทียบได้กับการทำหน้าที่เป็นระบบ antivirus ของเว็บไซต์เลยทีเดียว)ประโยชน์ในการนำไปพัฒนาเว็บไซต์

จะเห็นได้ว่า Google search console เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง สามารถใช้เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์ในระบบ SEO อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มยอดผู้เข้าชมข้อมูล การสั่งซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางธุรกิจที่ทุกคนต้องการ

เราหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ทุกท่าน ใส่ใจการเรียนรู้เทคนิค SEO ควบคู่กับ Google search console เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีทิศทาง และทำให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์มากยิ่งขึ้น