วิธีทำ SEO ที่ควรเลี่ยง

วิธีทำ SEO ที่ควรเลี่ยง

ในโลกของ SEO มีเทคนิคบางอย่างที่อาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณแทนที่จะช่วยอันดับได้ สิ่งเหล่านี้มักเรียกว่าเทคนิค “หมวกดำ” หรือ “สแปม” และควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ วิธีการทำ SEO ที่สำคัญที่คุณควรหลีกเลี่ยง

1.การใช้คำหลักในทางที่ผิด

การใช้คำหลักในทางที่ผิด: การอัดคำหลักในเนื้อหาของคุณอย่างไม่เป็นธรรมชาติทำให้ผู้อ่านดูเทอะทะและไม่เป็นที่พอใจ เครื่องมือค้นหายังสามารถลงโทษคุณได้ในเรื่องนี้

รูปแบบการกำหนดเป้าหมายจากคำหลัก: อย่าสร้างหน้าเว็บหลายหน้าโดยกำหนดเป้าหมายคำหลักเดียวกันในเวอร์ชันที่แตกต่างกันเล็กน้อย มุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูงในหัวข้อที่กว้างขึ้น

คำหลักที่ทำให้เข้าใจผิด: อย่าใช้คำหลักที่ไม่สะท้อนถึงธีมของเนื้อหาของคุณอย่างถูกต้อง สิ่งนี้หลอกลวงผู้ใช้และทำให้ความน่าเชื่อถือของคุณลดลง

2.ปัญหาเนื้อหา

เนื้อหาน้อย: หน้าเพจที่มีเนื้อหามีคุณค่าน้อยที่สุดไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา มุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาเชิงลึกที่ให้ข้อมูลที่ผู้ใช้จะมีส่วนร่วม

การหมุนเวียนเนื้อหา: การเขียนเนื้อหาที่มีอยู่ใหม่โดยอัตโนมัตินั้นมีคุณภาพต่ำและเครื่องมือค้นหาตรวจพบได้ง่าย สร้างเนื้อหาต้นฉบับที่มีคุณค่าไม่ซ้ำใคร

ข้อความหรือลิงก์ที่ซ่อน: การซ่อนข้อความหรือลิงก์จากผู้ใช้โดยที่เครื่องมือค้นหามองเห็นข้อความหรือลิงก์นั้นเป็นกลวิธีบิดเบือนที่อาจทำให้คุณถูกลงโทษ

3.การจัดการลิงก์

การซื้อลิงก์: การซื้อลิงก์ย้อนกลับขัดต่อหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา และอาจส่งผลเสียต่ออันดับของคุณอย่างรุนแรง สร้างลิงก์ย้อนกลับแบบออร์แกนิกผ่านเนื้อหาและการเข้าถึงที่มีคุณภาพ

รูปแบบลิงก์: การเข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนลิงก์หรือรูปแบบการสร้างลิงก์ปลอมอื่นๆ อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกตั้งค่าสถานะได้ มุ่งเน้นที่การรับลิงก์ย้อนกลับตามธรรมชาติจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง

ความคิดเห็นที่เป็นสแปม: การแสดงความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์อื่นด้วยลิงก์ย้อนกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณเองนั้นไม่ได้ผลและอาจถูกมองว่าเป็นสแปม มีส่วนร่วมในการสนทนาอย่างจริงใจและให้คุณค่าในความคิดเห็นของคุณ

4.แนวทางปฏิบัติอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยง

การปิดบัง: การแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันต่อเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้ถือเป็นการหลอกลวงและอาจทำให้คุณถูกลงโทษได้

SEO เชิงลบ: การพยายามทำลายอันดับของคู่แข่งด้วยกลยุทธ์ที่ผิดจรรยาบรรณนั้นเป็นอันตรายและขัดต่อหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหา

การเพิกเฉยต่อ SEO บนมือถือ: เนื่องจากการค้นหาส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ การละเลยการเพิ่มประสิทธิภาพบนมือถือจะส่งผลเสียต่อการมองเห็นของคุณอย่างมาก

โปรดจำไว้ว่าแนวทางปฏิบัติ SEO ที่ดีที่สุดมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง การให้คุณค่าแก่ผู้ใช้ และสร้างความไว้วางใจและอำนาจอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการหลีกเลี่ยงเทคนิคที่เป็นอันตรายเหล่านี้และมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ผู้ใช้ที่แท้จริง คุณจะกำหนดเว็บไซต์ของคุณบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ SEO ในระยะยาว

 

search engine optimization 

search engine optimization 

การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) คือกระบวนการปรับปรุงคุณภาพและปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ไปยังเว็บไซต์หรือหน้าเว็บจากเครื่องมือค้นหา SEO กำหนดเป้าหมายการเข้าชมที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย (เรียกว่าผลลัพธ์ ตามธรรมชาติ หรือ ทั่วไป) แทนที่จะเป็นการเข้าชมโดยตรงหรือการเข้าชมที่เสียค่าใช้จ่าย

การทำ SEO นั้นเป็นเพราะเว็บไซต์จะได้รับผู้เยี่ยมชมจากเครื่องมือค้นหามากขึ้นเมื่อเว็บไซต์มีอันดับสูงกว่าในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ผู้เยี่ยมชมเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ SEO ได้แก่

1.คำสำคัญ คำสำคัญที่คุณกำหนดเป้าหมายในเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณและการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้ามีความสำคัญสำหรับ SEO คุณต้องการเลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณและผู้คนมีแนวโน้มที่จะค้นหา

2.เนื้อหา คุณภาพและปริมาณของเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณก็มีความสำคัญต่อ SEO เช่นกัน เนื้อหาของคุณควรให้ข้อมูลและเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

3.ลิงก์ย้อนกลับ ลิงก์ย้อนกลับคือลิงก์จากเว็บไซต์อื่นไปยังเว็บไซต์ของคุณ ลิงก์ย้อนกลับเป็นสัญญาณไปยังเครื่องมือค้นหาว่าเว็บไซต์ของคุณเชื่อถือได้และน่าเชื่อถือ

4.SEO ทางเทคนิค ลักษณะทางเทคนิคของเว็บไซต์ของคุณ เช่น ความเร็วของเว็บไซต์และความเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ อาจส่งผลต่อ SEO เช่นกัน

5.SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์ของคุณ หากคุณจริงจังกับการปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหา คุณควรพิจารณาจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO

ต่อไปนี้เป็นเทคนิค SEO ที่สำคัญที่สุดบางส่วน

-การเพิ่มประสิทธิภาพบนเพจ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณ แท็กชื่อ คำอธิบายเมตา และองค์ประกอบอื่น ๆ สำหรับคำหลักที่เกี่ยวข้อง

-การเพิ่มประสิทธิภาพนอกหน้า สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณ

-เทคนิค SEO สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดทำดัชนีอย่างถูกต้องโดยเสิร์ชเอ็นจิ้น และโหลดได้รวดเร็วและเหมาะกับอุปกรณ์พกพา

-การตลาดเนื้อหา สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

-การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการโปรโมตเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

SEO เป็นกระบวนการระยะยาว แต่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการปรับปรุงการแสดงผลเว็บไซต์ของคุณในเครื่องมือค้นหาและดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น

หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO มีแหล่งข้อมูลมากมายทางออนไลน์และในห้องสมุด คุณยังสามารถค้นหาหลักสูตรและเวิร์คช็อป SEO ที่นำเสนอโดยองค์กรต่างๆ ได้อีกด้วย

 

On-page SEO ที่ควรทำ ดันอันดับเว็บให้พุ่ง

On-page SEO ที่ควรทำ ดันอันดับเว็บให้พุ่ง

การจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แพร่หลายและตรงจุดทางอินเตอร์เน็ต จำเป็นต้องพึ่งพาการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสม หนึ่งในวิธีการที่เป็นที่นิยมและให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับการลงทุนคือการทำ SEO ซึ่งประเภทของ SEO ที่มีความเกี่ยวของกับการพัฒนาสื่อของแบรนด์ให้ติดอันดับ สามารถทำได้ด้วยการพัฒนาเนื้อหาบนเว็บไซต์ของตนเองให้สอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอับดับของ Google เรียกว่า On-page SEO ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  1. ปรับ URL ให้อ่านง่ายและน่าเชื่อถือ

หลายเว็บไซต์อาจมีการปล่อย URL ให้เป็นภาษามนุษย์ต่างดาว จึงทำให้มีความไม่น่าเชื่อถือหรือสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งาน เพราะพวกเขาไม่สามารถเดาได้ว่าหน้าเพจนี้มีความเกี่ยวข้องกับอะไร ถ้ามีการสร้างลิงค์ด้วย URL แบบนี้ หลายคนอาจจะเลือกที่จะเลื่อนผ่านและไม่กดเข้ามาดูเนื้อหาเลย

  1. สื่อที่หลากหลายบนหน้าเว็บ

หน้าเว็บควรมีการออกแบบให้น่าดูและน่าสนใจ หนึ่งวิธีที่ทำได้คือการสร้างสรรค์สื่อที่หลากหลายบนหน้าเพจ ทั้งการใส่เนื้อหาที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ ตรงไปตรงมา ใส่ภาพที่มีความเกี่ยวข้อง หรือบางเว็บอาจจะเลือกใช้สื่อในรูปแบบวิดีโอ สิ่งสำคัญคือเนื้อหาทั้งหมดที่ใส่มาควรสอดคล้องกัน และตรงต่อความต้องการของลูกค้า

  1. จำนวนคำของเนื้อหา

บทความที่ใช้ในการทำ SEO ไม่ได้มีข้อบังคับตายตัวว่าต้องมีจำนวนกี่คำ แต่ตามข้อแนะนำของผู้มีประสบการณ์ จำนวนคำที่เหมาะสมคือประมาณ 400-800 คำ เพราะทำให้เนื้อหาอ่านง่าย ไม่ยาวจนน่าเบื่อ หรือสั้นจนอ่านไม่เข้าใจ

  1. มีคีย์เวิร์ดที่ดีและจำนวนเหมาะสม

เนื้อหาที่ดีควรมีการกระจายตัวของคีย์เวิร์ดอย่างสม่ำเสมอ และถูกใส่เข้าไปในเนื้อหาอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่ใส่ไปโดยไม่สนใจความหมายที่ต้องการสื่อ คีย์เวิร์ดที่ใช้ควรเป็นคำ วลี หรือประโยคที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และมีลำดับการเสิร์จหาที่ดี สิ่งนี้จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้

  1. มีการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

เว็บไซต์ที่ดีควรมีการเชื่อมโยงที่หลากหลายกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Twitter Pinterest YouTube เพราะจะทำให้สามารถแชร์ต่อได้ง่าย ดูน่าสนใจ และยังทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้นหลายช่องทาง นอกจากนั้นควรให้ความสนใจกับเนื้อหาที่น่าสนใจเพื่อให้มียอด Like และ Comment มากขึ้น

  1. ใช้งานได้ง่ายบนมือถือ

ในปัจจุบันไม่มีลูกค้าคนไหนไม่ใช้มือถือ แถมหลายคนใช้มือถือในการทำงาน หาข้อมูล และซื้อสินค้าบริการ ทำให้เว็บไซต์ที่สนใจแค่รูปลักษณ์ของเนื้อหาบน PC ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานบนมือถือ ดังนั้นการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ง่ายและสวยงามบนมือถือจึงมีความสำคัญมาก

ทั้ง 6 ข้อแนะนำนี้เป็นตัวอย่างของ On-page SEO ที่สามารถดันอันดับการค้นหาให้สูงขึ้นได้ สิ่งนี้จะนำไปสู่ยอดขายปัง ๆ อย่างที่ผู้ประกอบการฝันไว้ ดังนั้นต้องใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ และสร้างเนื้อหา SEO ที่มีคุณภาพเพื่อการดึงดูดลูกค้าให้อยู่หมัด

แนะนำวิธีสร้างเงินบน Blockdit ขุมทองออนไลน์สำหรับนักเขียน ด้วยการใช้ SEO

แนะนำวิธีสร้างเงินบน Blockdit ขุมทองออนไลน์สำหรับนักเขียน ด้วยการใช้ SEO

ความรู้ด้านการเขียนไม่ใช่เรื่องไกลตัวและเป็นความรู้ที่สามารถนำมาสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้มากมาย ทั้งในโลกออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันนักเขียนอิสระทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพสามารถสร้างรายได้ผ่านทาง Social Media หรือ Application ที่เปิดโอกาสให้นักเขียนได้หาช่องทางสร้างรายได้ของตัวเองได้ง่าย ๆ

Blockdit เป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้อ่านได้อัปเดตในสิ่งที่ตัวเองให้ความสนใจ แต่สำหรับนักเขียนแล้ว ไม่เพียงแต่ได้แชร์เรื่องราวที่ตัวเองอยากแบ่งปันให้กับนักอ่านที่สนใจเท่านั้น แต่เมื่อมีจำนวนผู้ติดตามครบ 1,000 คน นักเขียนก็สามารถสร้างรายได้กับ Blockdit ได้ โดยประเภทบทความที่สามารถสร้างจำนวนผู้ติดตามได้เยอะมีหลายประเภท เช่น บทความแชร์ไอเดียสร้างรายได้, บทความเกี่ยวกับงานอดิเรก, บทความสร้างแรงบันดาลใจและนวนิยาย เป็นต้น

เทคนิคการเขียนบทความให้มีผู้ติดตามเยอะ สามารถทำได้ดังนี้

เขียนเรื่องราวที่มีความเฉพาะเจาะจง เนื่องจาก Blockdit เป็นแอปพลิเคชันที่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้อ่านโดยเฉพาะ การกำหนดเนื้อเรื่องที่จะเขียนไปในทิศทางเดียวกันช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและอยากกดติดตามมากกว่า

โพสต์บทความอย่างน้อยวันละ 1 บท การโพสต์บทความอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาเดียวกัน โดยต้องคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ติดตามเป็นสำคัญ เช่น โพสต์นิยายในช่วงเวลา 20.00 – 22.00 น.หรือ โพสต์เนื้อหาข่าวในช่วง 06.00 – 09.00 น. เป็นต้น

นำพื้นฐาน SEO มาใช้ โดยหา Keyword ที่คิดว่ากลุ่มเป้าหมายค้นหาบ่อยมาใช้ และสามารถนำมาใช้กับทุกบทความได้ เพื่อดึงดูดให้บทความติดอันดับบน Search Engine ซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายจากภายนอก

200 Word Up ความยาวของบทความที่ดีและสามารถสร้างรายได้ใน Blockdit ต้องเป็นบทความที่มีความยาว 200 คำขึ้นไป เพราะเป็นจำนวนคำที่ผู้อ่านไม่ต้องใช้เวลามากเกินไป

ใช้รูปภาพที่น่าสนใจ การนำภาพสวย ๆ มาใช้แทรกในบทความจะช่วยดึงดูดสายตาของผู้อ่านให้เกิดความสนใจได้ดีกว่า และยังทำให้บทความดูไม่น่าเบื่อด้วย

แม้ว่า Blockdit จะเป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่เป็นหนึ่งในช่องทางสำหรับสร้างรายได้ด้วยการเขียนบทความได้ง่าย ๆ แต่บทความที่นำมาใช้ต้องไม่ขัดกับกฎพื้นฐานในการเขียนบทความ เช่น

เนื้อหาภายในบทความต้องเป็นเนื้อหาที่เขียนขึ้นมาใหม่ หรือใช้ข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งอื่นไม่เกิน 10% ของเนื้อหาทั้งหมดในบทความ และหากมีการอ้างอิงเนื้อหามาจากแหล่งอื่น ควรให้เครดิตแหล่งที่มาเสมอ

รูปที่นำมาใช้ควรเป็นรูป No copyright หรือเป็นรูปที่ทำขึ้นมาเอง หรือสามารถนำภาพของผู้อื่นมาใช้ได้ เพียงแต่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของภาพก่อน

Blockdit สื่อออนไลน์แบบใหม่ที่สนับสนุนให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้น และยังเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับนักเขียน และเป็นแหล่งฝึกฝีมือด้านการเขียนสำหรับนักเขียนมือใหม่

เทคนิคการเขียนบทความให้มีผู้ติดตามเยอะ

ข้อผิดพลาดที่เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ

ทำ SEO มาเป็นปี แต่ทำไมเว็บไซต์ยังไม่ขึ้นบน Google สักที?

การทำเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ search engine นั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม แต่ก็มีหลายคนที่พยายามทำ SEO ถูกต้องตามหลักแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเว็บไซต์จะขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกสักที วันนี้เรามีข้อผิดพลาดที่หลายคนลืมตรวจสอบบนเว็บไซต์ของตัวเองมาให้คุณไปตรวจสอบดู

ข้อผิดพลาดที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับ

Traffic น้อยหรือไม่มีเลย

บางคนทำเนื้อหาน่าอ่านและมีการอัปเดตบ่อย ๆ แต่น่าเสียดายตรงที่ว่าไม่เคยได้มีใครเข้าไปอ่านเลย โดย search engine อย่าง Google นั้นใช้ page session เป็นหนึ่งในการให้คะแนน SEO แก่เว็บไซต์แต่ละที่ หากเว็บไซต์ของคุณไม่มี traffic หรือคนเข้ามาดูเลย ก็จะทำให้โอกาสติดหน้าแรกยากสักหน่อย

ไม่มี Backlink เลย

Backlink เป็นปัจจัยที่สำคัญมากอย่างหนึ่งในการทำ SEO หลายเว็บไซต์ที่ไม่ได้ทำเนื้อหาน่าอ่านเท่าไหร่ แต่มี backlink เยอะและไปอยู่บนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพก็มีโอกาสติด SEO ได้เหมือนกันนะ ฉะนั้นลองตรวจสอบดูว่าเว็บไซต์ของคุณเคยทำ backlink มาบ้างแล้วหรือยัง

ใช้ใช้คีย์เวิร์ดสั้นที่ยากเกินไป

คีย์เวิร์ดสั้น ๆ หรือ short tail keywords นั้นเป็น mass keyword ซึ่งเป็นประเภทที่หลายเว็บไซต์ใช้ทำ SEO จึงทำให้มีการแข่งขันสูงมาก เว็บไซต์ที่เพิ่งหันมาทำ SEO อาจไต่อันดับขึ้นไปยาก แล้วยังถูกต้อนพื้นที่บนหน้า search engine ด้วยเว็บไซต์ที่ใช้วิธีการโฆษณาเพื่อให้ไปอยู่บนหน้าค้นหาด้วยเหมือนกัน

เนื้อหาน้อยเกินไป

เนื้อหาในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์นั้นควรเกิน 500 คำขึ้นไป แต่หากเนื้อหาในแต่ละหน้าของคุณมีหน้าละ 300 – 400 คำ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การทำ SEO ไม่ได้ผล ฉะนั้นลองตรวจสอบดูว่าในแต่ละหน้าบนเว็บไซต์ของคุณนั้นมีจำนวนคำมากน้อยแค่ไหน

Domain name ติด Blacklist

สำหรับบางคนที่ซื้อ domain name ที่ผ่านการใช้งานมาก่อนหรือเคยทำผิดกฎของ search engine มาก่อนนั้น มีโอกาสที่จะติด blacklist ซึ่งบางทีคุณอาจไม่รู้ตัว ฉะนั้นต่อให้ทำ SEO ดีแค่ไหนก็ไม่สามารถช่วยให้เว็บไซต์ไต่อันดับขึ้นมาได้เลย

โครงสร้างเว็บไซต์มีปัญหา

คุณอาจไม่รู้ว่าโครงสร้างเว็บไซต์นั้นมีส่วนในการขึ้นอันดับ SEO มากพอสมควรเลยล่ะ เพราะการเชื่อมโยงในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ที่ไม่มีการจัดระเบียบให้ bot ของ search engine สามารถค้นหาง่ายนั้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เว็บไซต์ของคุณถูกเขี่ยให้ไปอยู่หน้าท้าย ๆ ได้

เอาล่ะ! ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องกลับไปตรวจสอบเว็บไซต์ของตัวเอง หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่ไต่ขึ้นอันดับของ search engine สักที นั่นอาจเป็นเพราะข้อผิดพลาดต่าง ๆ ตามที่อธิบายข้างต้น ซึ่งคุณอาจลืมทำหรือไม่ได้สังเกตมาก่อนก็เป็นได้

ทำ SEO มาเป็นปี แต่ทำไมเว็บไซต์ยังไม่ขึ้นบน Google สักที

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับท็อป

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับท็อป

การทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จทางด้านชื่อเสียงและยอดขาย จำเป็นต้องมีการเว็บไซต์ให้ตรงตามหลักเกณฑ์ของระบบสืบค้นหรือ search engine ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือสร้างสรรค์งานบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากที่สุด

ในส่วนของเว็บไซต์ SEO นี้ การทำให้สามารถติดอันดับท็อปบนเครือข่ายระบบสืบค้นอย่าง yahoo หรือ google ได้จะสัมพันธ์กับยอดขายอย่างมากใน 5 อันดับแรก โดยเฉพาะในอันดับที่ 1 ที่มีมูลค่าทางการตลาดมากกว่าอันดับ 2 ถึงเกือบเท่าตัว

ทำเว็บไซต์ SEO ให้ติดอันดับท็อป

การจะทำให้เว็บไซต์ SEO ถูกจัดเป็นหนึ่งในลำดับต้น ๆ นั้น ต้องมีองค์ประกอบ ต่อไปนี้

1. ต้องหมั่น update เนื้อหา รูปภาพประกอบ คลิปวิดีโอ ที่น่าสนใจ เสริมสร้างการขาย หรือให้คุณค่าแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งแน่นอนว่าการใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในบทความ SEO หรือใช้ในการตั้งชื่อภาพจำเป็นต้องผ่านการวิจัยด้วยโปรแกรมที่มีความทันสมัยอยู่เสมอด้วย

2. การไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ เช่น การฝึกใช้ระบบ CMS หรือ content management system เพื่อเอื้ออำนวยต่อการบริหารจัดการเนื้อหาในเว็บไซต์รุ่นใหม่ อย่าง เช่น word press เป็นการเพิ่มความสะดวกและฉับไวในการทำธุรกิจออนไลน์ ลดการใช้ทรัพยากรบุคคล และลดภาระค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยในการดูแล website ได้ด้วย

3. การให้เครดิตแก่เว็บไซต์อื่นที่มีการแชร์เนื้อหา ภาพ คลิป หรือการเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ให้ความน่าเชื่อถือเสริมสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า หรือการทำ backlink ที่มีคุณภาพ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มอันดับในการสืบค้นและสร้างพันธมิตรที่ดีในวงการธุรกิจออนไลน์ด้วย

4. การนำบทความไปแชร์ต่อในโซเชียล เช่น facebook และการซื้อพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์เหล่านี้ จะช่วยในการโปรโมตธุรกิจให้มีคนรู้จักมากขึ้น เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่าเป็นการเพิ่ม traffic ส่งผลต่ออันดับการสืบค้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการขายผ่านหลากหลายช่องทางมากขึ้นด้วย

5. การสร้างส่วนหัวข้อ (title) และส่วน description ให้น่าสนใจ โดยไม่ละทิ้งคีย์เวิร์ด SEO จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะคลิกเข้ามาอ่านส่วนเนื้อหาภายในเว็บไซต์ดีหรือไม่ การเลือกหัวข้อ title ที่ไม่ยาวเกินไป มีลักษณะเป็นการตั้งคำถาม หรือยกประเด็นที่กำลังอยู่ในกระแสสังคม เช่น ภาษีธุรกิจออนไลน์สนับสนุนหรือซ้ำเติมเศรษฐกิจรากหญ้า ? โครงการกู้ยืมสินเชื่อซื้อบ้าน ปี 2019 คิดดีหรือยังก่อนเป็นหนี้ ? ฯลฯ เหล่านี้จะสามารถดึงดูดใจผู้อ่านให้เข้ามาเยี่ยมชมในเว็บไซต์ได้มากกว่าการสร้างประโยคบอกเล่าแบบเดิม ๆ

ทำเว็บไซต์ SEO อย่างไร ให้ติดอันดับ

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าและบริการใน ปี 2019 เป็นอีกปีหนึ่งที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพ และความรวดเร็วในการปรับตัวสูง เพื่อประโยชน์แก่ลูกค้าและผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าพอใจ การทำเว็บไซต์ SEO ต้องพิจารณาความเหมาะสมและเพิ่มเติมความเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดใจที่แปลกใหม่สู่ผู้อ่านกลุ่มเป้าหมาย จึงจะมีโอกาสทำให้เว็บไซต์ธุรกิจก้าวขึ้นสู่อันดับท็อปในการสืบค้นออนไลน์

OBL SEO

หนึ่งเว็บไซต์เล็กๆที่ไว้ส่งลิ้งค์ ไม่ควรมีลิงค์ออกเยอะจนเกินไป

บทความนี้จะเอาไว้สำหรับให้คนที่ทำ PBN ส่วนตัวให้ลองอ่านและทำความเข้าใจดู เรื่องจริงคือหลายเว็บไซต์ที่เราทำลิ้งค์เข้ามายังเว็บเรา หากเราไม่ใช่เจ้าของ เราจะไม่สามารถควบคุมปริมาณขาออกของลิงค์ได้เลย เจ้าของเว็บเท่านั้นที่จะการเรื่องพวกนี้ได้ แต่ในกรณี PBN นั้นคือเราเป็นเจ้าของ Blog เอง ทำให้การควบคุมลิงค์จะสามารถทำได้ง่าย อยากให้มีลิงค์ออกจาก Blog มากแค่ไหนก็จัดการได้เต็มที่

ปัญหาคือผู้ให้บริการ SEO บางเจ้า มักจะไม่ค่อยควบคุมปริมาณลิงค์ขาออก แรกไตอนสร้างใหม่ก็อาจจะทำได้ดี พอเวลาผ่านไปลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น ใครที่บริหารเงินไม่เป็นก็จะไม่มีเงินไปสร้าง Network วงใหม่ๆ และวิธีที่พวกคนกลุ่มนี้ทำกันก็คือใส่ลิ้งของลูกค้าหลายรายเข้าไปในวง PBN ที่มีอยู่นิดเดียว สุดท้ายผลที่ตามมาก็คือการที่โดเมนถูก Deindex และไม่ได้พลังลิงค์ไปในที่สุด หรือต่อให้ยังไม่โดน Deindex ก็อาจจะไม่ส่งผลดีสำหรับเว็บลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ทางที่ดีกว่าของนักให้บริการ SEO คือต้องคำนึงถึงปริมาณลิงค์ขาออกของแต่ละ Blog ดูว่าในแต่ละบล็อกนั้นมีบทความมากน้อยแค่ไหนและปริมาณลิงค์ขาออกมันสัมพันธ์กับจำนวนบทความในบล็อกหรือไม่ หากในบล็อกมีบทความเพียงสามถึงสี่บทความ แต่กลับมีลิงค์ออกเป็น 10-20 แบบนี้ก็ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว

เท่าที่ดูคือบางรายหนักกว่านั้น เล่นจดโดเมนขึ้นมาใหม่ทำเป็น PBN แต่ไม่มีบทความเลย มีแต่ลิ้งขาออกจำนวนมากตั้งแต่กระทู้แรก ตั้งแต่โพสแรก คือในเนื้อหาของโพสต์มีแต่ Text Links ยัดเข้าไปเป็น 10-20 แบบนี้เค้าไม่ได้เรียกว่าการทำ SEO แต่เค้าเรียกว่าการทำลาย Website เสียมากกว่า เราจำเป็นที่จะต้องทำให้ดีหากเราใส่ใจในลูกค้าและอยากอยู่ให้บริการยาวๆ ส่วนในฝ่ายลูกค้าเองต้องรู้จักเลือกเว็บผู้ให้บริการรับทำ seo ที่มีคุณภาพ มีร์พอร์ตให้เราตรวจสอบเพื่อดูว่าการกระทำของเขานั้นเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน ถึงอาจจะมีรีพอร์ตไม่หมด ดูบางส่วนก็ยังดี มาดูเป็นแนวทางว่าสิ่งที่เขาทำให้ เขามีความรู้และเข้าใจจริงมากแท้แค่ไหน เพื่อไม่ให้เว็บไซต์ของเราเสียหาย

ตลาด SEO เพศชาย

กลุ่มคีย์เวิร์ดเฉพาะ 18+ จะทำหรือเลี่ยงดี

สำหรับตลาดที่กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่ และมีความเกี่ยวข้องออกแนว 18+ อาจจะต้องคิดให้ดีสักหน่อย ตลาดกลุ่มนี้ คนมีเงินจ่ายถือว่าเยอะพอสมควร เพียงแต่มันมีทั้งสิ่งที่ผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย อย่างพวกการทำเว็บดูหนังผู้ใหญ่ แบบนี้อาจสุ่มเสี่ยงไปสักหน่อย หรือการทำเว็บเปิดกล้อง หาสาวๆมาโชว์ ยิ่งเสี่ยงเข้าไปอีก ตลาดที่เราควรจะทำในกลุ่มนี้อาจจะเป็นพวกอาหารเสริมของผู้ชาย ดูแล้วมีอนาคตก้าวไกลยาวกว่าการไปทำพวกแนวผิดกฎหมาย จำไว้ว่าอะไรที่มันไม่ถูกหลักหรือค้านกับกฎหมายบ้านเมือง ต่อให้เป็นกลุ่มตลาดทำเงินเราก็ไม่ควรทำ

อาหารเสริมเพศชาย สมัยนี้ขายกันเยอะมาก มีการนำพรีเซนเตอร์คนหล่อๆมาช่วยทำการโปรโมท ทำให้สินค้ายี่ห้อนั้นๆมีการโตไวกว่าคนอื่น ปัญหาหลั่งเร็วของผู้ชายถือว่าเป็นปัญหาใหญ่พอสมควร หากเป็นคนหลั่งไว เวลาจะมีอะไรกับแฟนก็จะรู้สึกกลัวว่าแฟนของตนจะไม่พอใจ จึงต้องมองหาวิธีที่ช่วยลดการหลั่งไว กลุ่มตลาดนี้ หากใครไม่ได้เข้ามาเล่นจะคิดว่าไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่เอาเข้าจริง เราสามารถทำเงินหลักล้านได้ไม่ยากหากสินค้าเราตอบโจทย์ได้จริงและทำการตลาด SEO ดี ลองมาเปลี่ยนมุมทำแนวผู้ใหญ่ดูบ้าง กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้มีอยู่แล้ว แต่เราจะทำติดหน้าแรกหรือปล่าวก็อีกเรื่อง หรือไม่ก็ ใครกล้าๆทำแนวหนังxออนไลน์จะลองดูบ้างก็ไม่เสียหาย

โปรแกรมสร้างลิงค์อัติโนมัติ

SEO Link Building Tools ควรซื้อหรือควรเลี่ยง ?

สมัยนี้ในวงการ SEO ทั่วโลกมีโปรแกรมเมอร์จำนวนมาก ได้ผลิตเครื่องมือ SEO ที่ช่วยสร้าง Backlinks อัติโนมัติ และรู้สึกว่าจะได้รับความนิยมในสายตาผู้ใช้เป็นอย่างมาก จึงเกิดคำถามสงสัยว่า “เราควรใช้ดีหรือไม่..” ราคาโปรแกรมบางตัวก็จะคิดค่าบริการเป็นรายเดือน บางเครื่องมือก็เป็นการซื้อครั้งเดียวจบ ราคาก็มีหลากหลายตั้งแต่ไม่กี่ดอลล่าห์จนถึงหลักพันดอลล่าห์เลย หากเรายังไม่เข้าใจหลักการทำ SEO ในระดับพื้นฐาน เราควรจะเลี่ยง SEO Link Building Tools ทุกตัว เพราะมันจะนำพาความเสียหายมายังเว็บไซต์เราแน่นอน แต่หากเรามีความรู้พอสมควร การเลือกใช้เครื่องมือช่วยสร้างลิงค์ย้อนกลับอัติโนมัติก็ถือเป็นอีก 1 ช่องทางที่จะช่วยประหยัดเวลาให้เราได้ไม่น้อยเลย

SEO Link Building Tools ยอดนิยมมีอะไรบ้าง ?

สำหรับเครื่องมือช่วยสร้างลิงค์อัติโนมัติที่ได้รับความนิยมในวงการ SEO ทั่วโลกคงจะมีไม่กี่เครื่องมือ สำหรับโปรแกรมยอดฮิตในช่วงอดีตที่่ผ่านมาคือ Senuke เป็นโปรแกรมที่มีราคาสูงมาก คิดค่าบริการเป็นรายเดือน และมีเป็นบางช่วงเวลาที่เราจะสามารถซื้อโปรแกรม Senuke มาใช้แบบ Lifetime ได้ แต่ราคาขายนี่แทบเอาจนได้เลย ซื้อที่ราคาเกือบแสน ต้องคิดให้ดีก่อนจะซื้อ ลองเทียบดูว่าเงินที่นำมาซื้อโปรแกรมนี้กับไปลงทุนทำอย่างอื่นอะไรจะคุ้มกว่ากัน แต่ถ้าสมัยนี้ เครื่องมือสร้างลิงค์อัติโนมัติคงจะเป็น GSA SER ซึ่งเป็นโปรแกรมแบบซื้อเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องเสียรายเดือน และราคาถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับความสามารถของโปรแกรม คือถ้าจะให้เลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง Senuke และ GSA SER มาใช้งานในช่วงปีนี้ ควรเลือก GSA SER จะดีกว่า ประหยัดเงินไปได้เยอะเลย

นอกจาก 2 โปรแกรมข้ามต้น ยังมีอีกหลายโปรแกรมที่ได้รับความนิยม แต่มันอาจไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปเหมาซื้อมาซะขนาดนั้น เอาแค่ใช้ตามความจำเป็นก็พอ ก่อนจะเลือกซื้อ Tools ช่วยสร้างลิงค์ตัวไหน ก็ต้องดูว่าเราจะนำมาใช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง ถ้ามันสามารถตอบโจทย์เราได้ทั้งหมดก็จัดมาใช้ได้เลย การใช้เครื่องมือจำพวกนี้ เราไม่ควรใช้สร้างลิงค์อัติโนมัติเข้าเว็บไซต์ทำเงินของเราโดยตรง เพราะมันไม่สามารถกรองลิงค์คุณภาพได้สมบูรณ์ 100% อาจจะส่ง Backlinks คุณภาพเข้ามาสัก 50% ส่วนอีก 50% จะเป็นลิงค์ขยะที่หลุดเข้ามา หากเราส่งลิงค์ผ่านเครื่องมือเหล่านี้เข้าเว็บเราโดยตรง อาจจะเกิดผลเสียแทนผลดีได้ อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่าหากคิดจะใช้พวก SEO Link Building Tools เราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ SEO พื้นฐาน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการประยุกต์ใช้เครื่องมือสร้างลิงค์อย่างถูกวิธี

ระวังรายจ่ายแฝงอื่นๆของ SEO Tools

เป็นธรรมดาที่การซื้อโปรแกรมสร้างลิงค์เหล่านี้ หลายโปรแกรมมักไม่ได้จบแค่การจ่ายเงินค่าโปรแกรม แต่มันจะมีรายจ่ายแฝงอื่นๆอีก เช่น ค่าเช่า Proxy, ค่าเช่า VPS, List URL ที่จะสแปมลิงค์, ตัวช่วถอดแคปช่า หรืออาจจะมีอย่างอื่นอีก โดยส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายที่เราต้องเสียรายเดือน ไม่ได้จ่ายครั้งเดียวจบ ทำให้การทำ SEO ด้วยใช้เครื่องมือช่วยสร้างลิงค์อัติโนมัติ จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น จริงๆแล้วถ้าเราไม่ใช่พวกตามกระแส เราไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพวกนี้เลยก็สามารถทำอันดับเว็บไซต์ได้ติดหน้าแรกเหมือนกัน จากพวกของฟรี หรือลงทุนทยอยสร้างเน็ตเวิร์คส่วนตัวเพื่อช่วยดันอันดับ จะประหยัดกว่าพวก SEO Link Building Tools อย่างมาก แต่ถ้าเราเป็นผู้ให้บริการ SEO และมีเว็บลูกค้าที่ต้องดูแลจำนวนมาก ก็ควรจะมีเครื่องมือเหล่านี้ติดไว้เพื่อช่วยลดเวลาในการทำงานเหมือนกัน