SEO มีความหมายว่าอย่างไร ประโยชน์จากการทำ SEO

SEO มีความหมายว่าอย่างไร ประโยชน์จากการทำ SEO

SEO หมายถึง Search Engine Optimization หรือ การปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาให้เหมาะสมกับการทำให้เว็บไซต์นั้นๆ ปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เช่น Google อย่างดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชมและความสนใจจากผู้ใช้งาน ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ SEO

เพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชม : เว็บไซต์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับการค้นหาจะมีโอกาสสูงขึ้นในการปรากฏในผลการค้นหา ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชมมากขึ้น

การเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจ : เว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ในอันดับสูงในผลการค้นหามักจะได้รับความเชื่อถือมากขึ้นจากผู้ใช้งาน และมีโอกาสที่จะได้รับความสนใจมากขึ้น

ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา : เมื่อเว็บไซต์มีการปรากฏอยู่ในอันดับสูงของผลการค้นหา จะลดความจำเป็นในการใช้งบประมาณในการโฆษณา เนื่องจากผู้ใช้งานมักจะคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ที่ปรากฏในอันดับสูงแบบฟรีมากกว่า

การเพิ่มยอดขายหรือการสร้างลูกค้า : เว็บไซต์ที่ปรากฏในผลการค้นหาอยู่ในอันดับสูงมักจะมีโอกาสในการเพิ่มยอดขายหรือสร้างลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานมักจะคลิกเข้าไปในเว็บไซต์เหล่านั้นเพื่อหาข้อมูลหรือสินค้าบริการที่ต้องการ

ดังนั้นการทำ SEO เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาให้เหมาะสมกับการค้นหาของผู้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการเข้าชมและประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายในด้านการตลาดและการโฆษณาออนไลน์

การทำ SEO ประกอบด้วยกลุ่มหลักๆ ของกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของเว็บไซต์และเนื้อหาในหลายๆ แง่มุม เพื่อให้เว็บไซต์นั้นๆ ปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้

การค้นหาคำหลัก (Keyword Research) : การหาคำหลักที่เกี่ยวข้องและมีความนิยมในกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อนำมาใช้ในเนื้อหาของเว็บไซต์

การปรับแต่ง On-Page : การปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์เพื่อให้เหมาะสมกับคำหลักที่เลือก รวมถึงการใช้งานคำหลักในเนื้อหา และการปรับแต่งแท็กเชิงเทคนิคอื่นๆ เช่น Meta Description, และ URL

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า (Content Creation) : การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน เนื้อหาควรเป็นประโยชน์และแก้ปัญหาของผู้อ่าน

การสร้าง Backlinks : การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและมีความน่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

การปรับแต่ง Off-Page : การปรับแต่งปัจจัยนอกเว็บไซต์ เช่น การเพิ่มโปรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์ และการสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์อื่น

การประเมินและการวัดผล : การติดตามและวัดผลการทำ SEO เพื่อปรับปรุงและปรับแก้กลยุทธ์ต่อไป

การทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องอัพเดตและปรับปรุงอยู่เสมอ เนื่องจากเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหาและพฤติกรรมของผู้ใช้งานอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

การทำ SEO ที่ได้ผลลัพธ์ดี ต้องมีเทคนิคอะไร

การทำ SEO ที่ได้ผลลัพธ์ดี ต้องมีเทคนิคอะไร

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่ได้ผลลัพธ์ดีมักจะใช้กลยุทธ์และเทคนิคหลากหลายเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและการปรับปรุงการค้นหาในเว็บไซต์ของคุณ นี่คือบางข้อแนะนำที่สามารถช่วยให้การทำ SEO ของคุณมีผลลัพธ์ที่ดี

การวิเคราะห์และเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย : ทำการวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อทราบถึงความต้องการและความสนใจของพวกเขา เป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและปรับปรุง SEO ของคุณ

การค้นหาคำสำคัญ : ค้นหาและเลือกคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณอย่างแม่นยำ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ : สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการและคำถามของกลุ่มเป้าหมายของคุณ

การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ : การปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพในการทำ SEO เช่นการใช้ URL ที่เข้าใจง่าย การใช้แท็ก H1, H2 ให้เหมาะสม และการจัดทำแผนที่เว็บไซต์ (sitemap)

การสร้างลิงค์ (Link Building) : สร้างลิงค์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสำคัญของเว็บไซต์ของคุณในตาเครื่องมือค้นหา

การใช้ช่องทางสื่อสังคม : การใช้สื่อสังคมเพื่อโปรโมทเนื้อหาและเพิ่มการร่วมมือในการแชร์ เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงและการติดตาม

การปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์บนมือถือ : การตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เนื่องจากการค้นหาบนมือถือมีความสำคัญมากเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

การตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง : การตรวจสอบและปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์และเนื้อหาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหาและความต้องการของผู้ใช้

การทำ SEO ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะได้ผลในทันที มันต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและรักษา แต่การทำตามข้อแนะนำด้านบนสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีผลลัพธ์ที่ดีในการค้นหาในระยะยาวได้ในที่สุด

การตลาด SEO เครื่องมือที่สร้างผลกำไรสำหรับนักลงทุน

การตลาด SEO เครื่องมือที่สร้างผลกำไรสำหรับนักลงทุนการตลาด SEO หรือที่เรียกว่าการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา เป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่มุ่งเน้นที่การปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหาเช่น Google การมองเห็นที่เพิ่มขึ้นนี้แปลเป็นการเข้าชมที่เกิดขึ้นเอง ซึ่งหมายถึงผู้เยี่ยมชมที่ค้นหาเว็บไซต์ของคุณผ่านคำค้นหาโดยที่คุณไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา

 

กลยุทธ์การสร้างผลกำไร

-การรับรู้ถึงแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น: การจัดอันดับเครื่องมือค้นหาที่สูงขึ้นทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏต่อผู้ชมในวงกว้างขึ้น ซึ่งนำไปสู่การจดจำแบรนด์มากขึ้น

-ลูกค้าเป้าหมาย: ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพคำหลักที่เกี่ยวข้อง คุณจะดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่กำลังค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณนำเสนอ

-การตลาดที่คุ้มต้นทุน: SEO ต่างจากการโฆษณาแบบเสียเงินตรงที่ต้องใช้ความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งทำให้เกิดการเติบโตของปริมาณการเข้าชมแบบออร์แกนิกและยั่งยืน

-ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่ได้รับการปรับปรุง: อันดับการค้นหาที่สูงมักจะบ่งบอกถึงอำนาจและความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า

-ผลลัพธ์ที่วัดได้: SEO ช่วยให้คุณสามารถติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และคอนเวอร์ชั่น ทำให้คุณสามารถวัดความสำเร็จของการทำการตลาดและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมได้

 

กลยุทธ์ SEO ที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องพิจารณา

-การวิจัยคำหลัก: ระบุคำหลักที่เกี่ยวข้องซึ่งกลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา

-การสร้างเนื้อหา: พัฒนาเนื้อหาคุณภาพสูงที่ให้ข้อมูล มีส่วนร่วม และปรับให้เหมาะสมสำหรับคำหลักที่คุณเลือก

-การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับมือถือ มีความเร็วในการโหลดที่รวดเร็ว และมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้

-การสร้างลิงก์: รับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเพื่อแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์ของคุณ

 

สิ่งสำคัญที่ควรทราบ: SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องใช้ความพยายามและการปรับตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อก้าวนำหน้าอัลกอริธึมของเครื่องมือค้นหาที่พัฒนาอยู่ ลองปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO เพื่อพัฒนาและดำเนินการกลยุทธ์ SEO ที่ครอบคลุมสำหรับการลงทุนของคุณ

กฎระเบียบพื้นฐานทำ SEO ยังไงให้ติดหน้าแรก Google

กฎระเบียบพื้นฐานทำ SEO ยังไงให้ติดหน้าแรก Google

การทำให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google นั้นเป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิค SEO ทั้งในเพจและนอกเพจ กฎ SEO พื้นฐานเพื่อช่วยปรับปรุงการแสดงผลเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหา

1.สร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการทำ SEO เนื่องจาก Google ต้องการมอบผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องและให้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แก่ผู้ใช้ เนื้อหาของคุณควรเขียนได้ดี มีข้อมูล และมีส่วนร่วม

2.เพิ่มประสิทธิภาพแท็กชื่อและคำอธิบายเมตาของคุณ แท็กชื่อและคำอธิบายเมตาของคุณเป็นเพียงตัวอย่างข้อความที่ปรากฏในผลการค้นหา ดังนั้นการตรวจสอบให้แน่ใจว่าถูกต้องและให้ข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ รวมคำหลักเป้าหมายของคุณในแท็กชื่อและคำอธิบายเมตา แต่ต้องแน่ใจว่าคำเหล่านั้นสามารถอ่านได้และฟังดูเป็นธรรมชาติด้วย

3.ใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งเนื้อหาของคุณ เมื่อคุณเขียนเนื้อหา อย่าลืมใส่คำหลักเป้าหมายของคุณตลอดทั้งข้อความ รวมถึงในชื่อเรื่อง ส่วนหัว และข้อความเนื้อหา อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการใช้คำหลักในทางที่ผิด ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติในการใช้คำหลักมากเกินไปในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติ

4.สร้างลิงก์ย้อนกลับไปยังเว็บไซต์ของคุณ ลิงก์ย้อนกลับคือลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมายังของคุณเอง Google มองว่าลิงก์ย้อนกลับเป็นการโหวตความมั่นใจในเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นยิ่งคุณมีลิงก์ย้อนกลับมากเท่าใด เว็บไซต์ของคุณก็จะอยู่ในอันดับที่สูงขึ้นในผลการค้นหา ในการสร้างลิงก์ย้อนกลับ ให้สร้างเนื้อหาคุณภาพสูงที่เว็บไซต์อื่นๆ ต้องการลิงก์ไป และติดต่อกับเว็บไซต์อื่นๆ และขอลิงก์

5.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับมือถือ ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ Google ยังเพิ่มอันดับเว็บไซต์ที่เหมาะกับมือถืออีกด้วย

การปฏิบัติตามกฎ SEO พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหาของ Google และเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ

1.ปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณ Google ต้องการมอบประสบการณ์ที่รวดเร็วและราบรื่นแก่ผู้ใช้ ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ที่โหลดได้อย่างรวดเร็ว

2.ใช้มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้าง มาร์กอัปข้อมูลที่มีโครงสร้างเป็นวิธีหนึ่งในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณแก่ Google วิธีนี้ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้นและแสดงเนื้อหาดังกล่าวได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในผลการค้นหา

3.ทำให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย Google ต้องการทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่าย ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ที่มีการจัดระเบียบอย่างดีและใช้งานง่าย

4.อัปเดตเว็บไซต์ของคุณด้วยเนื้อหาสดใหม่ Google ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นจึงช่วยเพิ่มอันดับให้กับเว็บไซต์ที่อัปเดตเนื้อหาใหม่เป็นประจำ

SEO เป็นสาขาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่การปฏิบัติตามกฎพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณติดหน้าแรกของ Google และได้รับการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

นักธุรกิจออนไลน์จำเป็นต้องรู้เทคนิคการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน ต่อไปนี้เป็นเทคนิคทางการตลาดที่สำคัญที่สุดบางส่วน: การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO): SEO คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้มีอันดับสูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งเว็บไซต์ของคุณ การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และสร้างลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นๆ การตลาดด้วยเนื้อหา: การตลาดด้วยเนื้อหาเป็นกระบวนการในการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่า เกี่ยวข้อง และสม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดและรักษาผู้ชมที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน และขับเคลื่อนการกระทำของลูกค้าที่ทำกำไร ซึ่งอาจรวมถึงบล็อกโพสต์ บทความ อินโฟกราฟิก วิดีโอ และเนื้อหาประเภทอื่นๆ การตลาดบนโซเชียลมีเดีย: การตลาดบนโซเชียลมีเดียเป็นกระบวนการของการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter และ Instagram เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างและแบ่งปันเนื้อหาที่น่าสนใจ แสดงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย และมีส่วนร่วมในการสนทนาที่เกี่ยวข้อง การตลาดผ่านอีเมล: การตลาดผ่านอีเมลเป็นกระบวนการส่งอีเมลไปยังสมาชิกของคุณเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ สร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา และกระตุ้นยอดขาย ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างจดหมายข่าว อีเมลส่งเสริมการขาย และแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC): การโฆษณา PPC เป็นการโฆษณาออนไลน์ประเภทหนึ่งที่คุณจ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ นี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และสร้างโอกาสในการขายและการขาย นอกจากเทคนิคการตลาดหลักเหล่านี้แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่นักธุรกิจออนไลน์สามารถใช้เพื่อโปรโมตธุรกิจของตนได้ เช่น การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์: การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์เป็นกระบวนการของการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในอุตสาหกรรมของคุณเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้กับผู้ติดตามของพวกเขา นี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากและสร้างความไว้วางใจกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า การตลาดแบบ Affiliate: การตลาดแบบ Affiliate เป็นการตลาดแบบหนึ่งตามผลงานที่คุณจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับ Affiliate สำหรับการขายแต่ละครั้งที่พวกเขาสร้างให้คุณ นี่อาจเป็นวิธีที่ดีในการขยายการเข้าถึงและเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากกับต้นทุนการตลาดล่วงหน้า การตลาดผ่านวิดีโอ: การตลาดผ่านวิดีโอเป็นกระบวนการในการใช้วิดีโอเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างวิดีโอผลิตภัณฑ์ วิดีโออธิบาย และคำรับรอง การตลาดผ่านวิดีโอเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการดึงดูดผู้ชมและกระตุ้นยอดขาย เทคนิคการตลาดที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณของคุณ อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่กล่าวข้างต้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับธุรกิจออนไลน์

SEO เทคนิคการตลาดที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องรู้

นักธุรกิจออนไลน์จำเป็นต้องรู้เทคนิคการตลาดที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของตน ต่อไปนี้เป็นเทคนิคทางการตลาดที่สำคัญที่สุดบางส่วน:

1.การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา (SEO) SEO คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้มีอันดับสูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้คำหลักที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งเว็บไซต์ของคุณ การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และสร้างลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นๆ

2.การตลาดด้วยเนื้อหา การตลาดด้วยเนื้อหาเป็นกระบวนการในการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาที่มีคุณค่า เกี่ยวข้อง และสม่ำเสมอ เพื่อดึงดูดและรักษาผู้ชมที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน และขับเคลื่อนการกระทำของลูกค้าที่ทำกำไร ซึ่งอาจรวมถึงบล็อกโพสต์ บทความ อินโฟกราฟิก วิดีโอ และเนื้อหาประเภทอื่นๆ

3.การตลาดบนโซเชียลมีเดีย การตลาดบนโซเชียลมีเดียเป็นกระบวนการของการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter และ Instagram เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายและโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างและแบ่งปันเนื้อหาที่น่าสนใจ แสดงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย และมีส่วนร่วมในการสนทนาที่เกี่ยวข้อง

4.การตลาดผ่านอีเมล  การตลาดผ่านอีเมลเป็นกระบวนการส่งอีเมลไปยังสมาชิกของคุณเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ สร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา และกระตุ้นยอดขาย ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างจดหมายข่าว อีเมลส่งเสริมการขาย และแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ

5.การโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) การโฆษณา PPC เป็นการโฆษณาออนไลน์ประเภทหนึ่งที่คุณจ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณาของคุณ นี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และสร้างโอกาสในการขายและการขาย

นอกจากเทคนิคการตลาดหลักเหล่านี้แล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่นักธุรกิจออนไลน์สามารถใช้เพื่อโปรโมตธุรกิจของตนได้ เช่น

1.การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์เป็นกระบวนการของการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในอุตสาหกรรมของคุณเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณให้กับผู้ติดตามของพวกเขา นี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากและสร้างความไว้วางใจกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า

2.การตลาดแบบ Affiliate การตลาดแบบ Affiliate เป็นการตลาดแบบหนึ่งตามผลงานที่คุณจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับ Affiliate สำหรับการขายแต่ละครั้งที่พวกเขาสร้างให้คุณ นี่อาจเป็นวิธีที่ดีในการขยายการเข้าถึงและเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากกับต้นทุนการตลาดล่วงหน้า

3.การตลาดผ่านวิดีโอ การตลาดผ่านวิดีโอเป็นกระบวนการในการใช้วิดีโอเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ซึ่งสามารถทำได้โดยการสร้างวิดีโอผลิตภัณฑ์ วิดีโออธิบาย และคำรับรอง การตลาดผ่านวิดีโอเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในการดึงดูดผู้ชมและกระตุ้นยอดขาย

เทคนิคการตลาดที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรม กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณของคุณ อย่างไรก็ตาม เทคนิคที่กล่าวข้างต้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับธุรกิจออนไลน์

การทำseoสำคัญอย่างไร

การทำseoสำคัญอย่างไร

SEO หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา คือกระบวนการปรับปรุงการแสดงผลของเว็บไซต์หรือหน้าเว็บในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERPs) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาดเพราะสามารถช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและรายได้

ประโยชน์ของ SEO

1.การเข้าชมเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น : เมื่อเว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงขึ้นใน SERPs ก็จะมีคนเห็นมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะสามารถค้นหาเว็บไซต์ของคุณและเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณได้มากขึ้น

2.การรับรู้ถึงแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น : เมื่อการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณเพิ่มขึ้น การรับรู้ถึงแบรนด์ของคุณก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ผู้คนจำนวนมากจะคุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณและสิ่งที่คุณนำเสนอ

3.ปรับปรุงความน่าเชื่อถือ : เมื่อเว็บไซต์ของคุณมีอันดับสูงใน SERP จะเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าทราบว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและเชื่อถือได้ สิ่งนี้สามารถช่วยคุณสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือให้กับผู้ฟังของคุณ

4.โอกาสในการขายและยอดขายที่เพิ่มขึ้น : SEO สามารถช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการขายและยอดขายได้มากขึ้น เมื่อผู้คนเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ พวกเขาอาจสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ หากคุณมีเว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างดีและให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี พวกเขาอาจมีแนวโน้มที่จะติดต่อคุณหรือทำการซื้อ

SEO เป็นการลงทุนระยะยาว แต่อาจมีประสิทธิภาพมากในระยะยาว หากคุณจริงจังกับการขยายธุรกิจของคุณ คุณควรพิจารณาลงทุนใน SEO ต่อไปนี้คือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หากคุณไม่ได้ใช้ SEO:

-เว็บไซต์ของคุณจะมองเห็นได้น้อยลงใน SERP

-คุณจะดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณน้อยลง

-คุณจะพลาดโอกาสในการเป็นลูกค้าและยอดขาย

-การรับรู้ถึงแบรนด์ของคุณจะต่ำลง

-ความน่าเชื่อถือของคุณจะต่ำลง

SEO ยังคงมีความเกี่ยวข้องในปี 2023 และจะมีความสำคัญต่อธุรกิจต่อไปในอนาคต หากคุณต้องการนำหน้าคู่แข่ง คุณต้องแน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณได้รับการปรับให้เหมาะกับเครื่องมือค้นหา

ทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ควรมีอะไรบ้าง

ทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ควรมีอะไรบ้าง

การทำ SEO ให้เว็บไซต์สุดปังติดหน้าแรกและลำดับต้นๆ ของ Google นับว่ามีความสำคัญเพราะเป็นวิธีการดึงดูดลูกค้าเข้าเว็บไซต์ทำให้มีผู้เข้าชมเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์ขยับขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ได้ ซึ่งเป็นผลดียิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังแนะนำธุรกิจหรือนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการ วันนี้เราได้รวบรวมองค์ประกอบพื้นฐานของ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ นั้นต้องการอะไรบ้าง

1.ข้อมูลครบถ้วน 

สิ่งสำคัญคงหนีไม่พ้นการจัดทำเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ครบถ้วนทั้งแนะนำข้อมูลสินค้าและบริการ ประโยชน์ของสินค้า กิจกรรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ รวมไปถึงประวัติธุรกิจที่สร้างความน่าเชื่อถือและช่องทางการติดต่อด้วย เพื่อให้เว็บไซต์มีคุณภาพและตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด แน่นอนว่าทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพจะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้นและได้ข้อมูลครบถ้วนไม่ต้องไปหาเพิ่มเติมจากเว็บไซต์อื่น จึงจะส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ให้ดีขึ้นได้  

2.บทความที่เป็นประโยชน์

การจัดทำบทความเพื่ออธิบายถึงธุรกิจ สินค้าและบริการย่อมเกิดประโยชน์ต่อลูกค้าที่เข้ามาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ในบทความยังใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับเพื่อให้ลูกค้าและผู้อ่านคลิกเข้าไปหาสินค้าและบริการได้โดยตรง ควรจัดทำบทความเนื้อหาความยาวพอเพราะและโพสต์ลงในเว็บไซต์อย่างน้อย 30-40 บทความ เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างคุณภาพให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือและทะยานขึ้นหน้าแรกของ Google ได้ในที่สุด

3.การใส่คีย์เวิร์ดในบทความ

นอกจากเนื้อหาบทความที่มีประโยชน์แล้ว องค์ประกอบของเว็บไซต์ SEO ที่ดียังรวมถึงการคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมใส่กระจายในบทความและในหน้าเพจต่าง ๆ เพื่อเป็นกุญแจสำคัญให้ลูกค้าหรือผู้สนใจค้นหาสินค้าและบริการเข้าถึงหน้าเพจในเว็บไซต์ของคุณง่ายขึ้น คีย์เวิร์ดถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำ SEO ให้ผู้สนใจเข้าถึงสินค้าและบริการง่ายขึ้น ควรเลือกคำที่ค่อนข้างเคลียร์และใส่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

4.ดีไซน์สวยน่าสนใจ

เว็บไซต์ที่ลงบทความแน่นเต็มหน้าดูจะน่าเบื่อเกินไป แนะนำให้แทรกรูปภาพ กราฟิก และแผนภูมิต่างๆ เรียกว่าทั้งน่าสนใจทั้งดีไซน์และทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายด้วย มีส่วนช่วยให้ผู้เข้าชมสนใจเว็บไซต์และอยู่ค้นหาข้อมูลนานขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกๆ ของ Google ได้สำเร็จ

5.ความเร็วในการดาวน์โหลด

ความเร็วในการดาวน์โหลดแต่ละหน้ายิ่งเร็วยิ่งส่งผลดีต่อการทำ SEO ส่วนหนึ่งคือการปรับความใหญ่ของรูปภาพประกอบให้เล็กลง ตั้งค่าไม่ให้วิดีโอเล่นอัตโนมัติ เลือกใช้บริการ Web Hosting ที่มีประสิทธิภาพและมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงการปรับ JavaScript และอื่นๆ แนะนำให้โฟกัสเรื่องความเร็วเป็นพิเศษ ยิ่งโหลดเร็วยิ่งมีผลต่อ SEO ทำให้ไม่ต้องรอนานและไม่เสียเวลามากเกินไป 

ปัจจุบันร้านค้าหันมาจำหน่ายสินค้าและบริการทางออนไลน์มากขึ้น เว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือจึงต้องมีเนื้อหาครบถ้วน มีรูปภาพประกอบน่าสนใจ และมีช่องทางติดต่อที่เชื่อถือได้ ไม่เพียงทำให้เว็บไซต์ไต่อันดับไปอยู่ในหน้าแรก ๆ เท่านั้น ยังสร้างความเชื่อมั่นในลูกค้าเชื่อใจและเข้าเว็บไซต์มากขึ้นด้วย  

ก่อนจ้างบริษัทรับทำ SEO ต้องเช็คลิสต์เรื่องอะไรบ้าง

ก่อนจ้างบริษัทรับทำ SEO ต้องเช็คลิสต์เรื่องอะไรบ้าง

เมื่อต้องการทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google เพื่อให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น สิ่งที่จะต้องรู้เป็นอันดับแรกเลยก็คือบริษัทรับทำ SEO ที่ไหนดี ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พูดเกินจริง มีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ และทำงานมีคุณภาพเป็นมืออาชีพ ไม่มีปัญหาอื่นตามมาภายหลัง ลองมาทำความเข้าใจก่อนจ้างบริษัทรับทำ SEO กัน

สำหรับคนที่กำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO ที่มีคุณภาพไว้ใจได้ ควรพิจารณาจากปัจจัย ดังนี้

1.การทำ SEO เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การทำ SEO ที่มีกระบวนการทำงานเป็นขั้นเป็นตอนถูกต้อง เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน จนสามารถทำให้เว็บไซต์ของลูกค้าติดอันดับได้ จะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนเป็นอย่างต่ำในการที่จะไต่อันดับขึ้นไป การทำ SEO อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอถือเป็นตัวช่วยที่ดีซึ่งจะสร้างผลลัพธ์ได้ในเวลาที่สมเหตุสมผล

2.ติดตามผลและเปลี่ยนคีย์เวิร์ดตามความเหมาะสม

โดยทั่วไปการทำ SEO มักจะเริ่มต้นจากคีย์เวิร์ด แต่ความจริงนั้นมืออาชีพจะเริ่มต้นจากการปรับแต่งคอนเทนต์หน้าเว็บไซต์ พร้อมใส่ Keyword ในส่วนของเนื้อหา, ชื่อเรื่อง, หัวข้อเรื่อง โดยกระจายคีย์เวิร์ดให้มีความเหมาะสม ไม่ควรน้อยเกินไปหรือมากเกินไปจนดูเหมือนสแปม ซึ่งการแก้ไขจะส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ในระยะยาว บ่อยครั้งที่ธุรกิจทำ SEO ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงมาก ลองหันมาเลือกใช้คำค้นหาที่ยาวขึ้นและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น  (Long-Tail Keyword) เช่น “รองเท้าผ้าใบ” เปลี่ยนเป็น “รองเท้าผ้าใบวิ่ง สำหรับผู้หญิง ราคาถูก” เป็นการเลือกคีย์เวิร์ดให้เหมาะสมกับธุรกิจยิ่งขึ้น

3.การสร้างลิงค์ (Backlink) เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SEO

‍การสร้าง Backlink มีความสำคัญมากสำหรับการทำ SEO ช่วยให้มีเว็บไซต์คุณภาพอื่น ๆ ส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์จำนวนมาก อัลกอริทึมจะมองว่าเว็บไซต์มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ทั้งยังกลายเป็นเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่เป็นแหล่งอ้างอิงให้เว็บไซต์อื่นๆ ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดอันดับช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับแรก ๆ ของผลลัพธ์การค้นหาบน Google ได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้คนคลิกเข้ามาดูมากขึ้นและกลายเป็นลูกค้ามากขึ้นด้วย

4.ติดตามผลของเว็บไซต์

การติดตามผลของเว็บไซต์เราได้จาก Google Analytics และ Google Search Console ซึ่งเป็นเครื่องมือที่คอยรายงานข้อมูลสถิติต่าง ๆ ของเว็บไซต์ตลอดเวลา เช่น มีคนเข้าเว็บไซต์จำนวนเท่าไร มีจำนวนเพิ่มขึ้นหรือน้อยลง มีพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์อย่างไร เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และเก็บข้อมูลหน้าเว็บที่ใช้งานมากที่สุดบนเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ ‍หลังจากนั้นต้องหมั่นอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอ

5.หมั่นอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอ

การอัปเดตคอนเทนต์ลงเว็บไซต์สม่ำเสมอ เป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้อัลกอริทึมมองว่าคอนเทนต์ของเว็บไซต์นี้มีคุณภาพมากขึ้น หากบ่อยเว็บไว้ว่าง ๆ ไม่มีการอัปเดตคอนเทนต์ใหม่บ่อย ๆ เว็บไซต์จะถูกลดอันดับลงไปเรื่อยๆ และกระทบกับผลลัพธ์ SEO เช่นกัน

กล่าวง่าย ๆ ว่าการทำ SEO เป็นขั้นตอนสำคัญช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ความสำคัญของ SEO และขั้นตอนการทำ SEO แบบเน้น ๆ ที่ได้ผลลัพธ์จริง

ความสำคัญของ SEO และขั้นตอนการทำ SEO แบบเน้น ๆ ที่ได้ผลลัพธ์จริง

จริง ๆ แล้ว SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นวิธีการที่หลากหลายแบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดในช่องทางออนไลน์นำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่หลายคนรู้จักดี แต่การทำ SEO ก็ประกอบไปด้วยหลากหลายขั้นตอนและมีกลวิธีที่หลากหลาย ที่ต้องอาศัยทั้งเทคนิคและระยะเวลาในการทำที่เหมาะสมด้วย เช่นนั้นจึงจะพาทุกคนไปเจาะลึกการทำ SEO และข้อมูลที่มีความน่าสนใจ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • วิธีการทำ SEO สามารถเริ่มต้นได้จากการวางโครงสร้างเว็บไซต์ ในส่วนขององค์ประกอบภายในต่าง ๆ เริ่มต้นได้จากการกำหนดคีย์เวิร์ดที่จะนำมาใช้ในเว็บไซต์ในหลาย ๆ ส่วน โดยดูที่ search volume ว่าคีย์เวิร์ดไหนที่มีการใช้อยู่บ่อยครั้ง มีการใช้เป็นประจำ ผู้คนจำนวนมากหรือส่วนใหญ่มีการใช้คำเหล่านั้นในการค้นหาข้อมูล แล้วเลือกคีย์เวิร์ดนั้น ๆ มาใส่ในองค์ประกอบต่าง ๆ ของเว็บไซต์ 

  • ในส่วนของ domain ของเว็บไซต์ก็ควรจะเป็นชื่อที่สามารถสะกดได้ง่าย มีความเป็นสากล ซึ่งก็จะมีผลต่อการจัดลำดับของ Search Engine Algorithm ด้วย ดังนั้นจึงต้องพิจารณาในส่วนนี้ให้ดี

  • มาต่อกันด้วยการสร้างเนื้อหาสาระภายในเว็บไซต์ให้น่าสนใจ ประโยชน์ ชวนให้ติดตาม มีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป มีหลักการเขียนเนื้อหาที่ถูกต้องเหมาะกับการทำ SEO สอดแทรกคีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม มากไปกว่านั้นเนื้อหาทั้งหมดควรจะเป็นเนื้อหาใหม่ ที่ไม่ได้เป็นการคัดลอกหรือหยิบยกมาจากเว็บไซต์อื่น ๆ เพราะนอกจากจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องแล้วยังไม่ส่งผลดีต่อการทำ SEO ด้วย 

  • ดูแลเรื่องความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์ รูปแบบของเว็บไซต์ การเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีความง่ายและสะดวกรวดเร็ว รองรับการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านทั้งทางโทรศัพท์มือถือ แท็บเลตหรือคอมพิวเตอร์ เพราะก็มีผลต่อการพิจารณาอันดับของทาง google ด้วย

  • อีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเรื่องของการทำ backlink ที่ดี หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าที่ดีคืออย่างไร คือมีการวางลิงก์ของเว็บไซต์ที่เว็บไซต์ดัง ๆ และมีคุณภาพ โดยสิ่งที่จะพาให้เว็บไซต์ไปถึงจุดนั้นได้ก็คือการมีเนื้อหาที่ดีและมีคุณภาพนั่นเอง โดยอาจจะมีการกระตุ้นผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่นการแชร์บทความภายในเว็บไซต์ไปยังช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็จะเพิ่มโอกาสในการแชร์ต่อและผู้คนค้นหาเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ทาง google ก็จะนำพิจารณาด้วยในส่วนของความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ การได้รับการอ้างอิงต่าง ๆ 

จะเห็นได้ว่า SEO เป็นเสมือนวิธีการสำคัญที่จะนำพาธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จัก นำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ถ้าใครอยากที่จะประสบความสำเร็จด้านออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ การทำ SEO คือคำตอบของคุณ

เร่งสปีดให้ธุรกิจ เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม ด้วย TikTok SEO

เร่งสปีดให้ธุรกิจ เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม ด้วย TikTok SEO

ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแอปพลิเคชัน TikTok ที่มาแรงแซงโค้งจนหยุดไม่อยู่ เพราะสามารถที่จะแย่งพื้นที่ Air Time จาก Youtube ได้ แม้จะยังไม่สำเร็จแต่ก็ทำให้ Youtube ปรับตัวและหันมาออก Feature Shorts เพื่อช่วงชิงพื้นที่คลิปวีดีโอสั้นกลับคืนมา ซึ่งทาง Facebook ก็พยายามดึงพื้นที่หน้าสื่อกลับคืนไปด้วย Feature Reels ด้วยเช่นกัน 

ทำไมต้องทำ SEO บน Tiktok

ก่อนที่จะสงสัยว่าทำไมต้องไปทำ SEO บน Tiktok ลองหันมาดูเกี่ยวกับสถิติของ Tiktok ในประเทศไทยเสียก่อนว่าเกิดปรากฏการณ์ Tiktok Fever แค่ไหน

  • จำนวน Account Tiktok ในประเทศไทย ล่าสุดในปี 2022 มีจำนวนทั้งสิ้น 21,747,973 Account (ข้อมูลจาก THEB2HOUSE)  
  • ในปี 2022 ที่ผ่านมา คน Gen Y 25% จากการทำแบบสอบถามระบุว่า ใช้งาน Tiktok ประมาณ 1-2 ชั่วโมง/วัน และมีเพียง 30% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้เวลาเพียง 30 นาที/วัน 
  • มี Account ที่เป็นผู้หญิงมากกว่า Account ผู้ใช้  

จะเห็นว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีในช่วงการแพร่ระบาดของ covid-19 หลังการเปิดตัวของแอปพลิเคชัน Tiktok Account Tiktok มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงทั่วทั้งโลก แล้วแบบนี้ธุรกิจของคุณจะไม่หันมาทำ SEO บน Tiktok ได้อย่างไร

แนะนำวิธีการในทำ SEO บน Tiktok 

  1. สร้าง hashtag เพื่อการค้นหา 

ปัจจุบันการติด hashtag ให้กับสินค้า, ร้านค้าหรือเหตุการณ์สำคัญ ๆ มักจะช่วยให้ผู้คนค้นหาได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะใส่ hashtag ที่แอปพลิเคชันใด Search Engine จะค้นหาและนำมาเสนอให้เสมอ โดยเฉพาะ hashtag เฉพาะกลุ่ม หรือต้องการเจาะจงไปในตัวสินค้าหรือการแก้ไขปัญหาเป็นต้น

  1. พาออกนอก Tiktok

แม้จะดูเป็นการไม่เหมาะสม แต่ช่วงเวลาในการนำเสนอบน Tiktok อาจสั้นจนไม่สามารถบรรยายถึงสินค้าได้อย่างครบถ้วน ควรทำการสร้างลิงก์เพื่อดึง User ออกไปยังเว็บไซต์ของธุรกิจหรือเว็บหน้ารายละเอียดและข้อมูลของสินค้าเพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจสั่งซื้อได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ดูการรีวิวสินค้าหรือคอนเทนต์ที่นำเสนอ 

  1. สร้างวีดีโอให้ User มีส่วนร่วม 

มากกว่า 90% ที่คนเข้ามาใช้งาน Tiktok มักจะเข้ามาหาความบันเทิง ด้วยระยะเวลาเพียง 60วินาที ควรกระตุ้นด้วยคำคมหรือคำถามเพื่อให้คนสงสัยและคล้อยตามหรือการเลือกใช้เพลงยอดนิยมมาประกอบกับวีดีโอที่ทำ พร้อมติด Hashtag ลงไปในคลิปวีดีโอด้วย เพื่อที่คนจะได้มีส่วนร่วมและจดจำเพลงที่ใช้ประกอบได้ 

  1. กระตุ้นให้ User กลับมาที่ช่องและติดตาม

แม้ว่า User จะเข้าใช้งานและเลื่อนผ่าน หากต้องการที่จะกลับมาหาช่อง บางครั้งอาจหาไม่เจอแล้ว ดังนั้น การทำ SEO ผ่าน Google ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ User ได้เห็นและคุ้นตากับสิ่งที่ตนเองเลื่อนผ่านและต้องการกลับมาที่เพจหรือเว็บไซต์ของธุรกิจได้ 

คาดว่าในอนาคตอันใกล้ User จะมีผู้ใช้งาน Tiktok เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก หากไม่อยากให้ธุรกิจของคุณตกเทรน หรือต้องการเริ่มสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาอันสั้น Tiktok เป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างตัวตนได้เร็วและดีที่สุดช่องทางหนึ่ง แต่อย่าลืมที่จะทำ SEO ด้วยทุกครั้งที่มีการอัพโหลดคลิปวีดีโอ รับรองได้เลยปัง แน่นอน